0

0

ploy168

ผู้เขียน :ploy168

อัพเดทเมื่อวันที่ : 2025-07-27 17:32:06

บทนำ

ความสะดวก สบาย ในการใช้ชีวิต ทำให้เราเคลื่อนไหวร่างกายและทำกิจกรรมน้อยลง ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือโรค NCDs เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง เป็นต้น ซึ่งโรคเหล่านี้ คือ สาเหตุหลักของการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

กิจกรรมทางกาย คืออะไร ?

กิจกรรมทางกาย คือ การเคลื่อนไหวร่างกายในทุกอิริยาบถในชีวิตประจำวัน เช่น การนั่ง ยืน เดิน วิ่ง ทำงาน ส่วนการออกกำลังกาย เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทางกายโดยการเคลื่อนไหวร่างกายซ้ำ ๆ จากการวางแผนที่ชัดเจนและจำเพาะ

กิจกรรมทางกายของคุณ อยู่ในระดับใด ?

  1. ระดับนิ่งเฉย คือ กิจกรรมที่ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น นั่งเฉย ๆ นั่งดูทีวี นอนหลับ นั่งประชุม นั่งขับรถ นั่งสวดมนต์
  2. ระดับน้อย คือ การเคลื่อนไหวร่างกายที่ออกแรงน้อย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น เดินระยะทางสั้น ๆ ล้างจาน พับผ้า โยคะ รดน้ำต้นไม้ ยืนบนรถโดยสาร
  3. ระดับปานกลาง คือ การเคลื่อนไหวร่างกายที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยปานกลาง หัวใจเต้นเร็วขึ้น หายใจเร็วขึ้น หน้าแดงมีเหงื่อซึม ยังสามารถพูดเป็นประโยคได้ เช่น เดินเร็ว ปั่นจักรยาน เดินขึ้นลงบันได ทำสวน
  4. ระดับหนัก คือ การเคลื่อนไหวร่างกายที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยมาก หน้าแดงและมีเหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็วมาก จนไม่สามารถ พูดเป็นประโยคได้ เช่น ขัดห้องน้ำ ยกของหนัก วิ่งเร็ว ว่ายน้ำเร็ว กระโดดเชือก ปั่นจักรยานเร็วระยะไกล

ทำกิจกรรมทางกายอย่างไร ให้เหมาะสมกับช่วงวัย

  1. เด็กและเยาวชน (อายุ 5-17 ปี) ควรทำกิจกรรมทางกายระดับปานกลางถึงระดับหนัก สะสมให้ได้ อย่างน้อย 60 นาทีทุกวัน เช่น กิจกรรมนันทนาการ เล่นกีฬา พละศึกษา กิจกรรมในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน
  2. ผู้ใหญ่ (อายุ 18-59 ปี) ควรทำกิจกรรมทางกายระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือกิจกรรมทางกายระดับหนักอย่างน้อย 75 นาทีต่อสัปดาห์
  3. ผู้สูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป) ควรทำกิจกรรมทางกายระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือกิจกรรมทางกายระดับหนักอย่างน้อย 75 นาทีต่อสัปดาห์

การทำกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ เพื่อการมีสุขภาพที่ดี ควรทำต่อเนื่องอย่างน้อย 10 นาทีขึ้นไป ที่ระดับปานกลางถึงระดับหนัก สำหรับผู้ที่มีกิจกรรมทางกายน้อย ควรเพิ่มกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวัน เช่น การลุกขึ้นยืน หรือขยับเคลื่อนไหวร่างกายจากการนั่งทำงานทุก 1-2 ชั่วโมง การเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ การใช้ขนส่งสาธารณะ และออกกำลังกายด้วยการเดิน แต่หากไม่เคยทำมาก่อน ควรเริ่มจากกิจกรรมที่เบาไปหาหนัก และจากช้าไปเร็ว ควบคู่กับการกินอาหารที่มีคุณค่า ครบ 5 หมู่ และหลากหลายก็จะช่วยให้มีสุขภาพดี ห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้

 

อ้างอิง

https://dopah.anamai.moph.go.th/web-upload/8x6b2a6a0c1fbe85a9c274e6419fdd6071/tinymce/KPI2564/KPI119/25640111922.pdf

0 ถูกใจ 36 การเข้าชม

งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ

ตลาดบุหรี่ไฟฟ้าเติบโต เสี่ยงผลกระทบสุขภาพวัยรุ่น
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ตลาดบุหรี่ไฟฟ้าเติบโต เสี่ยงผลกระทบสุขภาพวัยรุ่น

ส่วนที่ 5 ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อการสืบค้น
1747913281.JPG

Admin ID3

ส่วนที่ 5 ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อการสืบค้น

‘ฝนราชการ’ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ วิธีรับมือเพื่อสุขภาพดีและไร้อุบัติเหตุ
1708931705.jpg

Super Admin ID1

‘ฝนราชการ’ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ วิธีรับมือเพื่อสุขภาพดีและไร้อุบัติเหตุ

ส่วนที่ 5 ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อการสืบค้น
1708932589.JPG

Writer hotmail

ส่วนที่ 5 ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อการสืบค้น

ปกป้องชีวิตเด็กไทยด้วยหมวกนิรภัย
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ปกป้องชีวิตเด็กไทยด้วยหมวกนิรภัย

งานบทความที่เกี่ยวข้อง

สุขภาพดี…เพราะมีสวน ‘พื้นที่สีเขียว’ ตัวกระตุ้นกิจกรรมทางกาย

Super Admin ID1

Highlight

• กิจกรรมทางกายคือ การทำกิจกรรมให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวและเผาผลาญพลังงาน อย่างเช่น การเดิน ปั่นจักรยาน เล่นกีฬา ฯลฯ รวมไปถึงทำกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งในวัยผู้ใหญ่ควรมีกิจกรรมทางกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์

• ในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 คนไทยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอร้อยละ 74.6 หลังการแพร่ระบาดในปี 2563 กิจกรรมทางกายลดลงเหลือร้อยละ 55.5 และปี 2564 ระดับกิจกรรมทางกายที่เพียงพอขยับขึ้นเป็นร้อยละ 63.0 อีกร้อยละ 11.6 ยังไม่สามารถฟื้นคืนกิจกรรมทางกายได้

• การเข้าถึงสวนสาธารณะ สวนหย่อม และพื้นที่สีเขียวอื่น ๆ กระตุ้นให้ผู้คนบรรลุการทำกิจกรรมทางกาย อย่างเช่น เดิน วิ่ง ขี่จักรยาน หรือเล่นกีฬา เพราะการมีพื้นที่สีเขียวช่วยให้กิจกรรมทางกายสนุกสนานยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ประชากรมีสุขภาพดี และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย

 

หากเคยสังเกต คุณเองอาจจะได้พบว่า พื้นที่สีเขียวใกล้ ๆ ตัวสามารถสร้างแรงกระตุ้นให้รู้สึกอยากออกไปทำกิจกรรมทางกายมากขึ้น และถ้ามากเพียงพอ กิจกรรมทางกายเหล่านั้นจะส่งผลดีต่อสุขภาพ

ที่ผ่านมามีหลายผลการศึกษาระบุตรงกันถึงความสัมพันธ์ของพื้นที่สีเขียวต่อสุขภาวะในเชิงบวก ทำให้หลายประเทศทั่วโลกมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนและปรับปรุงคุณภาพพื้นที่สีเขียวในเมือง ด้วยตระหนักถึงความสำคัญในฐานะที่เป็นกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ

แต่ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแต่ละเมืองต่างมีปัญหาของตัวเอง เช่น พื้นที่ไม่เพียงพอหรือพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหรือเข้าถึงได้ยาก เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของประเทศไทย