0

0

บทนำ

Highlight

  • องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization: WMO) ได้จำกัดความคำว่าคลื่นความร้อนว่า เป็นภาวะที่อุณหภูมิสูงสุดประจำวันเกินค่าอุณหภูมิสูงสุดโดยเฉลี่ยประมาณ 5 องศาเซลเซียส ติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 5 วัน

  • สำหรับประเทศไทย ยังไม่พบการเกิดคลื่นความร้อน แต่เป็นผลกระทบจากหย่อมความกดอากาศต่ำซึ่งปกคลุมประเทศไทยในระดับท้องถิ่น

  • การที่คลื่นความร้อนเกิดมากขึ้นและมีความรุนแรงมากขึ้น มีหลักฐานชี้ว่าเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) หรือภาวะโลกร้อน (Global Warming)

  • ยุโรปเคยประสบกับวิกฤติคลื่นความร้อนในปี 2546 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70,000 คน และในปี 2565  คลื่นความร้อนทำให้ประชาชนเสียชีวิตสูงเกือบ 62,000 ราย

 

“คลื่นความร้อน” กลายเป็น “ประเด็นร้อน” อย่างต่อเนื่อง เมื่อหลายภูมิภาคทั่วโลกต้องเผชิญกับ “ฮีตเวฟ” อย่างหนักหน่วงรุนแรงเป็นประวัติการณ์ ไม่ว่าจะในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป หรือเอเชีย

คลื่นความร้อนเป็นเหมือนการส่งสัญญาณเตือนให้ต้องเฝ้าระวังวิกฤตอันตรายต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนบนโลก ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อป้องกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน

 

เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับคลื่นความร้อน

บางคนอาจจะเคยสงสัยว่า “คลื่นความร้อน” คืออะไร และเหตุใดจึงกลายเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วโลก

คลื่นความร้อน หรือ ฮีตเวฟ (Heat Wave) เป็นปรากฏการณ์ที่อากาศมีปริมาณความร้อนมากกว่าปกติอย่างรวดเร็วในระยะเวลาหนึ่ง อาจเกิดขึ้นเป็นเวลาไม่กี่วัน หรือนานหลายสัปดาห์

คลื่นความร้อนไม่สามารถระบุได้ว่าอุณหภูมิเท่าใดจึงจะเรียกว่าเป็นคลื่นความร้อน ด้วยความแตกต่างของลักษณะพื้นที่และลักษณะอากาศปรกติของพื้นที่นั้น ทำให้อุณหภูมิของอากาศปรกติในพื้นที่เขตร้อน อาจเป็นคลื่นความร้อนสำหรับพื้นที่เขตหนาวได้

เช่น พื้นที่ A มีอุณหภูมิอากาศปกติ 18-25 องศาเซลเซียส เมื่อมีมวลอากาศร้อนเข้ามาทำให้อุณหภูมิในพื้นที่เพิ่มเป็น 30-35 องศาเชลเซียสอย่างฉับพลันภายในเวลา 24 ชั่วโมง และอุณหภูมิคงค่าเป็นเวลาหลายวันหรือสัปดาห์ จึงเรียกว่าพื้นที่นี้มีปรากฏการณ์คลื่นความร้อนเกิดขึ้น

ทั้งนี้ องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization: WMO) ได้จำกัดความคำว่าคลื่นความร้อนว่า เป็นภาวะที่อุณหภูมิสูงสุดประจำวันเกินค่าอุณหภูมิสูงสุดโดยเฉลี่ยประมาณ 5 องศาเชลเซียส ติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 5 วัน

 

คลื่นความร้อนเกิดได้ 2 รูปแบบ คือ แบบสะสมความร้อน เกิดในพื้นที่มีความแห้งแล้ง ไม่มีเมฆและลมสงบนิ่งหลายวัน มวลอากาศร้อนจึงไม่เคลื่อนที่ อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะสมมวลอากาศร้อนจนกลายเป็นคลื่นความร้อน เช่นที่เกิดในแอฟริกา ออสเตรเลีย อเมริกาเหนือ อินเดีย และปากีสถาน

คลื่นความร้อนแบบพัดพาความร้อน เกิดจากลมหอบมวลความร้อนจากทะเลทรายหรือเส้นศูนย์สูตรเข้ามาในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นกว่าหรือเขตหนาว ทำให้อุณหภูมิในพื้นที่นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกว่าลมร้อนนั้นจะพัดผ่านไปหรือสลายตัว พบในพื้นที่เขตหนาว เช่น ทวีปยุโรป

นอกจากนี้ยังมีคลื่นลมร้อนที่เกิดจากระบบความกดอากาศสูงหรือแอนติไซโคลน (Anticyclone)

สำหรับประเทศไทย ยังไม่พบการเกิดคลื่นความร้อน แม้ว่าจะมีช่วงที่อุณหภูมิพุ่งขึ้นสูง เช่น ระหว่างเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา มีวันที่อุณหภูมิทะลุ 40 องศาเซลเซียส แต่ตามข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ไม่ใช่คลื่นความร้อนที่เกิดจากความร้อนสะสม แต่เป็นผลกระทบจากหย่อมความกดอากาศต่ำซึ่งปกคลุมประเทศไทยในระดับท้องถิ่น

สิ่งที่เกิดขึ้นในไทยแตกต่างกับบางประเทศในเอเชีย เช่น อินเดียและบังกลาเทศ ที่มีอุณหภูมิสูง 40 องศาเซลเซียสต่อเนื่องหลายวัน มีความร้อนสะสมและค่าเฉลี่ยอุณหภูมิเพิ่มสูงวันละ 5 องศาเซลเซียส

คลื่นความร้อน & การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

คลื่นความร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีความเกี่ยวข้องกันอย่างปฏิเสธไม่ได้ การที่คลื่นความร้อนเกิดมากขึ้นและมีความรุนแรงมากขึ้น มีหลักฐานชี้ว่าเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) หรือภาวะโลกร้อน (Global Warming)

ด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้อุณหภูมิของโลกในปัจจุบันสูงขึ้นถึง 1.1 องศาเซลเซียสนับจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม โดยสาเหตุหลักคือ ก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมในชีวิตของมนุษย์ที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตัวการสำคัญของภาวะโลกร้อนมีความเข้มข้นในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 48 ระหว่างปีพ.ศ. 2293 ถึงปีพ.ศ. 2563

 

นอกจากคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ก๊าซอื่น ๆ เช่น มีเทน, ไนตรัสออกไซด์ ฯลฯ ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นรังสีความร้อน อาจเป็นปัจจัยทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นได้ หากมีปริมาณมากเกินไป จะส่งผลให้ชั้นบรรยากาศมีการกักเก็บรังสีความร้อนไว้มากขึ้น ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้น

ยิ่งอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นเข้าใกล้ 1.5 องศาเซลเซียสมากเท่าไร นั่นหมายถึงภัยพิบัติกำลังจะมาเยือนหลายประเทศทั่วโลก หากเหตุการณ์ความร้อนสูงสุดขั้วหรือคลื่นความร้อนเกิดบ่อยขึ้น นานขึ้น และรุนแรงขึ้น

ผลกระทบอันแผดเผาจากคลื่นความร้อน

ฤดูร้อนที่ผ่านมานี้ คลื่นความร้อนได้แผ่ขยายปกคลุมทั่วทวีปยุโรป โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นเดือนที่มีอุณหภูมิสูงสุดของปี ทำให้เกิดไฟป่าครั้งใหญ่ทั้งในฝรั่งเศส, โปรตุเกส, สเปน และกรีซ

ในประเทศฝรั่งเศสพบว่า คลื่นความร้อนเกิดเพิ่มมากขึ้นถึงสามเท่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียสนับตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 1.1 องศาเซลเซียส

ส่วนที่สหราชอาณาจักร อุณหภูมิทะลุไปแตะ 40 องศาเซลเซียสเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาต้องออกคำเตือนอากาศร้อนจัดระดับสีแดงครั้งแรก พร้อมมีมาตรการรับมือภาวะฉุกเฉินด้านสภาพอากาศในฤดูร้อนเป็นครั้งแรก

จากผลการศึกษาพบว่า การเกิดคลื่นความร้อนจนอุณหภูมิทำลายสถิติในสหราชอาณาจักรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 เท่า จากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

ที่ผ่านมา คลื่นความร้อนคร่าชีวิตผู้คนมากมาย เช่นในยุโรปเคยประสบกับวิกฤติคลื่นความร้อนในปี 2546 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70,000 คน และในปี 2565  คลื่นความร้อนทำให้ประชาชนเสียชีวิตสูงเกือบ 62,000 ราย

 

นอกจากยุโรป หลายประเทศเผชิญกับคลื่นความร้อนรุนแรง เช่น อินเดีย ซึ่งอากาศร้อนจัดทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง กระทบประชาชนหลายสิบล้านคน มีคนเสียชีวิต และต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพราะอากาศร้อน

 

ฮีตเวฟ…สัญญาณเตือนด้านสุขภาพ

คลื่นความร้อนทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อต้องสัมผัสกับอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายเกิดปัญหาเรื่องการควบคุมอุณหภูมิภายใน ซึ่งอาจนำไปสู่การเจ็บป่วย นับตั้งแต่อาการอ่อนเพลีย ภาวะขาดน้ำ ไปจนถึงโรคลมแดด (Heat Stroke) ซึ่งเป็นภาวะที่อุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส จากการอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนจัดเป็นเวลานานหรือใช้กำลังกายในอุณหภูมิที่ร้อนมากๆ และร่างกายไม่สามารถปรับตัวลดอุณหภูมิให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ อาจเริ่มมีอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อ่อนแรงและคลื่นไส้ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้เกิดอาการผิดปกติ เช่น สับสน พูดไม่ชัดเจน กระสับกระส่าย หรือเห็นภาพหลอน หากรุนแรงมากอาจทำให้เกิดการชักเกร็งและเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้
            อากาศร้อนยังเกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางความคิดและจิตใจ มีผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือดและความดันโลหิต ซึ่งอาจกระทบกับการทำงานของสมองและหัวใจได้ รวมถึงมีโอกาสทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้มากขึ้น


            นอกจากนี้ฮีตเวฟยังทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง เพราะอุณหภูมิสูงจะทำให้อากาศนิ่ง เกิดการสะสมมลพิษในอากาศ อาจส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบหายใจและปอด

เพื่อป้องกันตัวเองจากคลื่นความร้อน ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สวมเสื้อผ้าน้ำหนักเบาและระบายอากาศได้ดี

 

ปกป้องเด็กและกลุ่มเปราะบางจากภัยร้อน

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกกล่าวว่า คลื่นความร้อนจะทำให้คุณภาพอากาศแย่ลงโดยเฉพาะในเมือง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มเปราะบาง

จากรายงานของ ยูนิเซฟ ระบุว่า เด็กและเยาวชนอย่างน้อย 5 ร้อยล้านคนกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนที่สูงขึ้นมากกว่าปกติ และจะส่งผลกระทบต่อเด็กจำนวนมากกว่า 2 พันล้านคนทั่วโลก ภายในปี 2593

 

เด็กและเยาวชนเป็นประชากรกลุ่มแรกที่ต้องเผชิญภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะสามารถควบคุมอุณหภูมิของร่างกายได้น้อยกว่า ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด ฯลฯ

นั่นจึงมีความจำเป็นที่แต่ละประเทศต้องสร้างความตระหนักรู้เพื่อปรับตัวและปกป้องประชากรกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้มีปัญหาสุขภาพ โดยต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนให้ทันต่อสถานการณ์

ผลกระทบสุขภาพจากคลื่นความร้อนเป็นเรื่องระดับโลก

เพราะผลกระทบด้านสุขภาพที่เกิดจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศมีความสำคัญและสมควรได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากบุคคล ชุมชน รัฐบาล และองค์กรระหว่างประเทศ

ในขณะที่โลกยังคง “ร้อนขึ้น” เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์จึงชัดเจนมากขึ้นและเป็นวงกว้าง ทั้งทางตรงและทางอ้อม

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ เปิดเผยว่า "ภาวะโลกร้อน" (global warming) ได้สิ้นสุดลงแล้ว และจากนี้ไปโลกได้เข้าสู่ยุค "โลกเดือด" (global boiling) หลังจากบรรดานักวิทยาศาสตร์ได้ยืนยันตรงกันว่าเดือนกรกฎาคมในปีนี้เป็นเดือนที่โลกร้อนจัดที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา และยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกหันมาดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างไม่ลังเล และไม่รีรอที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาที่เกิดจากภาวะโลกร้อน

นอกจากนี้ การประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติครั้งที่ 28 หรือ COP28 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือน พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ณ ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะเป็นครั้งแรกที่ประเด็นด้านสุขภาพจากผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศจะถูกนำไปพิจารณาแบบเชิงลึก โดยจัดให้มีการประชุมของรัฐมนตรีสาธารณสุขและรัฐมนตรีว่าการสิ่งแวดล้อมทั่วโลก เพื่อเน้นย้ำถึงผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศต่อความเป็นอยู่ที่ดี วิกฤตสภาพภูมิอากาศมีแนวโน้มที่จะเพิ่มภาระให้กับระบบสุขภาพทั่วโลก

ทุกประเทศต้องเตรียมรับมือกับวิกฤติสภาพอากาศสุดขั้วซึ่งรวมถึงคลื่นความร้อน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการควบคุมหยุดยั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก

 

ในวันนี้ คลื่นความร้อนเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนของวิกฤติภูมิอากาศและภัยคุกคามสุขภาพซึ่งเรากำลังเผชิญอยู่ ถ้าหากอุณหภูมิโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้นเนื่องมาจากกิจกรรมของมนุษย์ทั้งจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ คลื่นความร้อนจะยิ่งมีโอกาสเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น ทั่วโลกจึงต้องร่วมกันดำเนินการแก้ไขและป้องกัน พัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบ ทำความเข้าใจ สร้างความตระหนัก และลงมือทำ เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและปลอดภัยสำหรับทุกคน

 

อ้างอิง

https://www.thaipbs.or.th/news/content/326862

https://www.euronews.com/green/2022/07/29/is-climate-change-causing-the-heatwave-heres-the-simple-science-behind-europes-scorching-w

https://www.igreenstory.co/climate-change-leading-heatwaves-for-record-breaking-temperatures/

https://thestandard.co/europe-faces-severe-heat-wave/

https://www.igreenstory.co/61000-europeans-died-2022-heatwaves/

https://thestandard.co/nearly-100-die-india-struggles-sweltering-heatwave/

https://www.pptvhd36.com/health/news/1273

https:// www.pptvhd36.com/news/สังคม/199908

https://www.sdgmove.com/2022/11/01/unicef-heat-wave-2593/

https://www.igreenstory.co/cop28-to-consider-health-issue-in-depth/

https://plus.thairath.co.th/topic/naturematter/103532

 

งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ

เรื่องกินเรื่องใหญ่…กว่าที่คิด  พฤติกรรมกินขาด ๆ เกิน ๆ โรคร้ายจะมาเยือน
1708931705.jpg

Super Admin ID1

เรื่องกินเรื่องใหญ่…กว่าที่คิด พฤติกรรมกินขาด ๆ เกิน ๆ โรคร้ายจะมาเยื...

เยาวชน เหยื่อรายใหม่ของบุหรี่ไฟฟ้า
defaultuser.png

ชลธิดา เณรบำรุง

เยาวชน เหยื่อรายใหม่ของบุหรี่ไฟฟ้า

ห้องปลอดฝุ่น ลดเสี่ยง PM2.5
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ห้องปลอดฝุ่น ลดเสี่ยง PM2.5

Blue School  นวัตกรรมป้องกันฝุ่น PM2.5
1708931705.jpg

Super Admin ID1

Blue School นวัตกรรมป้องกันฝุ่น PM2.5

อุบัติเหตุบนท้องถนน คนเดินเท้าเสี่ยงเสียชีวิต-บาดเจ็บมากสุด
1708931705.jpg

Super Admin ID1

อุบัติเหตุบนท้องถนน คนเดินเท้าเสี่ยงเสียชีวิต-บาดเจ็บมากสุด

งานบทความที่เกี่ยวข้อง

surachet@thaihealth.or.th

วันอากาศดีในกรุงเทพฯ เริ่มหายากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับที่ความเสี่ยงด้านสุขภาพจากมลพิษเพิ่มสูงขึ้น เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการหาแนวทางแก้ไขที่มีประสิทธิภาพ "ปทุมวันโมเดล" โครงการพื้นที่ต้นแบบเขตมลพิษต่ำจึงถือกำเนิดขึ้นมา