0

0

ผู้เขียน :Super Admin ID1

อัพเดทเมื่อวันที่ : 2025-07-30 09:48:43

บทนำ

การอ่านไม่เพียงเปิดโลกแห่งความรู้และจินตนาการ แต่ยังส่งเสริมทักษะที่จำเป็นซึ่งเด็ก ๆ ต้องพกติดตัวไปตลอดชีวิต แม้ว่าปัจจุบันจะมีสื่ออื่น ๆ มากมาย แต่หนังสือและการอ่านยังคงมีความสำคัญเสมอ

การอ่านหนังสือสำคัญสำหรับเด็ก

ทำไมการอ่านหนังสือจึงสำคัญ? องค์การยูนิเซฟ ได้ให้ข้อมูลไว้ ดังนี้

• ปูพื้นฐานการเรียนรู้ตลอดชีวิต: การอ่านหนังสือมีผลต่อพัฒนาการของเด็กและเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ยิ่งรู้จักหนังสือและอ่านเร็วเท่าไร ยิ่งมีพัฒนาการที่ดีและมีความพร้อมในการเรียนรู้เร็วยิ่งขึ้น

• เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มจินตนาการ: การอ่านช่วยจุดประกายจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก เรื่องราวและเนื้อหาที่ได้อ่านจะทำให้เกิดภาพในกระบวนการคิด ช่วยส่งเสริมความสามารถในการสร้างเรื่องราวและการตอบสนองของเด็กได้เป็นอย่างดี

• เชี่ยวชาญคิดวิเคราะห์: ข้อมูลต่าง ๆ จากการอ่านช่วยเด็กพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ สามารถนำข้อมูล และความรู้จากการอ่านไปประเมินค่าหรือประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

• หนังสือเหมาะกับวัย ยิ่งอ่านยิ่งพัฒนา: การอ่านหนังสือที่เหมาะสมกับวัยเป็นการช่วยฝึกสมาธิให้กับเด็ก เมื่อได้อ่านเรื่องที่ชื่นชอบ เด็กจะมีสมาธิใจจดใจจ่อกับเรื่องราว

• ทุกบ้านอุ่นไอรักฟูมฟักได้ ชวนพ่อแม่มาร่วมอ่าน: การอ่านหนังสือให้เด็กฟังหรือการที่ผู้ปกครองช่วยส่งเสริมการอ่านของเด็กทำให้เกิดสานสายใยรักสร้างความอบอุ่นในครอบครัว

การอ่าน VS การฟัง

ในโลกปัจจุบันที่การเรียนรู้และสื่อสารสามารถทำได้หลายวิธี การฟังก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สะดวก เมื่อหนังสือเล่มกลายเป็นหนังสือเสียง หรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าสนใจถูกนำเสนอผ่านพอดแคสต์ คลับเฮาส์ ฯลฯ เช่นนี้แล้ว การอ่านหนังสือยังจำเป็นอยู่ไหม คำตอบคือ จำเป็น เพราะไม่มีวิธีการเรียนรู้หรือสื่อสารใดทำได้เหมือนกับการอ่านหนังสือ

ที่บอกว่า การฟังเป็นวิธีที่สะดวกนั้น เหตุผลหนึ่งเพราะสามารถฟังควบคู่กับทำกิจกรรมอย่างอื่นไปด้วยได้ แต่การทำหลายอย่างพร้อมกันก็อาจทำให้สมองไม่ได้จดจ่ออยู่กับการฟังอย่างเต็มที่ ทำให้ถูกดึงความสนใจไปอย่างอื่นได้ง่าย จึงอาจพลาดเนื้อหาสาระ เก็บรายละเอียดเชิงลึกไม่ได้ ฟังไม่รู้เรื่อง จนต้องย้อนกลับไปฟังซ้ำ หรือต้องอ่านข้อมูลเพิ่มเติม  

เทียบกันแล้ว การอ่านจะช่วยฝึกทักษะในการจดจ่อได้ดีกว่า การอ่านยังทำให้มีสมาธิ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง และช่วยพัฒนาความจำ การอ่านทำให้สามารถเข้าใจลึกซึ้ง สามารถกลับไปทบทวนข้อมูลได้ง่าย

ด้วยเหตุผลหลากหลายข้อทำให้การเรียนรู้หรือสื่อสารวิธีอื่น รวมถึงการฟังไม่สามารถมาแทนที่การอ่านได้

หนังสือเล่ม VS อีบุ๊ก

เมื่อเทคโนโลยีให้กำเนิดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หรืออีบุ๊กออกมา ทางเลือกในการอ่านจึงมีมากขึ้น หากเปรียบเทียบกันแล้ว หนังสือเล่มกับอีบุ๊กนั้นให้ประโยชน์ที่แตกต่างออกไป

แต่สำหรับเด็ก ๆ แล้ว ผลการศึกษาของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา พบว่า พ่อแม่ผู้ปกครองที่อ่านหนังสือเล่มให้เด็ก ๆ ฟังจะทำให้เกิดการโต้ตอบมากกว่าอ่านจากอีบุ๊ก
 

 

 

การพูดคุยตอบโต้ของพ่อแม่ผู้ปกครองและเด็กระหว่างอ่านหนังสือเล่มจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของหนังสือ ขณะที่การอ่านอีบุ๊กทำให้ผู้ปกครองถามคำถามน้อยลงและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงเรื่องน้อยลง การพูดคุยจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีหรือเครื่องมือที่ใช้มากกว่าเนื้อหา

นอกเหนือไปจากการพูดคุยตอบโต้ ระหว่างอ่านหนังสือให้ลูกฟังจะมีปฏิสัมพันธ์ที่ไม่ใช่คำพูด เช่น ความอบอุ่น ความใกล้ชิด และความกระตือรือร้น เหล่านี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับการอ่าน มีแนวโน้มที่จะติดอยู่กับตัวเด็ก ๆ ไปจนโต

ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และเด็กเล็กที่อ่านหนังสือด้วยกันมีประโยชน์ต่อการส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ผลการวิจัยระบุว่า การสนทนาที่นำโดยผู้ปกครองมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเด็กวัยหัดเดิน เพราะพวกเขาเรียนรู้และเก็บรักษาข้อมูลใหม่จากการโต้ตอบต่อหน้าได้ดีกว่าจากสื่อดิจิทัล

 

ลดเวลาเรียนหน้าจอ ฟื้นฟูการอ่านหนังสือเล่ม

โรงเรียนในสวีเดนได้หันกลับมาใช้หนังสือเล่มเพื่อฟื้นฟูการอ่าน และการให้เด็กกลับมาคัดลายมือ มากกว่าการใช้เวลากับอุปกรณ์การเรียนการสอนที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อเติมเต็มทักษะที่ขาดหายไปของเด็กยุคใหม่

จากผลการประเมินระดับการอ่านในระดับนานาชาติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และความก้าวหน้าในการศึกษาการอ่านระดับนานาชาติที่ผ่านมาของนักเรียนสวีเดนกลับมีคะแนนลดลงในระหว่างปี 2016 ถึง 2021 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษากล่าวว่า ผลการเรียนบางวิชาที่แย่ลงนั้น อาจเป็นผลมาจากการอยู่ที่หน้าจอมากเกินไประหว่างที่เรียนหนังสืออยู่ อาจทำให้เยาวชนเรียนวิชาหลักไม่ทัน

ขณะที่ ลอตตา เอ็ดโฮล์ม (Lotta Edholm) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของสวีเดน ได้ประกาศในแถลงการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคมว่า รัฐบาลต้องการกลับคำตัดสินของสำนักงานเพื่อการศึกษาแห่งชาติสวีเดน (National Agency for Education) ที่ต้องการบังคับใช้อุปกรณ์ดิจิทัลในโรงเรียนเตรียมอนุบาล นอกจากนี้ทางกระทรวงยังมีแผนที่จะเดินหน้ายุติการเรียนรู้ด้วยระบบดิจิทัลในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีอีกด้วย

          เช่นเดียวกับรายงานที่เผยแพร่เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา UNESCO ได้ออก “ข้อเรียกร้องที่เร่งด่วนสำหรับการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมในการศึกษา” โดยเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ เพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่โรงเรียน แต่ในขณะเดียวกันก็เตือนว่าเทคโนโลยีในด้านการศึกษานั้นควรถูกนำมาใช้ในลักษณะที่จะไม่มาแทนที่การสอนในชั้นเรียน และการสอนโดยครูอาจารย์ และส่งเสริมวัตถุประสงค์ที่มีร่วมกันในเรื่องของการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับนักเรียนทุก ๆ คน

เทคนิคปลูกฝังให้เด็กรักการอ่าน

การปลูกฝังให้เด็ก ๆ รักการอ่านอาจจะเป็นเรื่องท้าทาย แต่ก็เป็นไปได้หากรู้วิธี มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ได้แนะนำเทคนิคไว้ ดังนี้

1. อุ้มแล้วอ่าน อุ้มลูกไว้บนตักแล้วอ่านหนังสือให้ฟัง ออกเสียงสูงต่ำ ทำเสียงเล็กเสียงน้อย มีจังหวะหนักเบา พร้อมชวนดูภาพ กอดสัมผัส เคลื่อนไหวร่างกายไปด้วย จะช่วยเร้าความสนใจของเด็กต่อหนังสือมากยิ่งขึ้น

2. อ่านอย่างน้อยวันละ 10 – 15 นาที  ช่วยสร้างความผูกพันในครอบครัว ทำให้ลูกใกล้ชิดและผูกพันกับการอ่านหนังสือ ช่วยพัฒนาสมองของเด็ก

3. พูดคุยและตั้งคำถาม ต่อยอดความคิดและเชื่อมโยงกับประสบการณ์ รวมทั้งเป็นการกระตุ้นให้ลูกใช้ทักษะทางภาษา

4. ตอบคำถามจากลูกขณะอ่านหนังสือ ช่วยต่อยอดความคิด ถ้าคำถามข้อใดไม่รู้ ให้พยายามหาคำตอบ ให้ลูกเห็นว่าสามารถหาได้จากการอ่านหนังสือ

5. อ่านตามทุกตัวอักษร ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สนุก ถ้าหนังสือมีเนื้อหาดี วิธีการเล่าจะเป็นประเด็นรอง ถ้าชี้ตัวหนังสือที่อ่านไปพร้อมกันจะช่วยให้เด็กจดจำภาษาได้ดี

6. จัดมุมหนังสือในบ้าน สร้างบรรยากาศให้ลูกได้สนุกกับการเลือกหนังสือหรืออ่านหนังสือเอง

7. จัดช่วงเวลาอ่านหนังสือร่วมกัน สร้างวัฒนธรรมการอ่านในบ้าน เด็กจะซึมซับและทำตาม

 

 

อ้างอิง

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ, 7 เทคนิค ปลูกฝังเด็ก ๆ ให้รักการอ่าน, 11 พฤษภาคม

2565, https://.thaihealth.or.th/7-เทคนิค-ปลูกฝังเด็ก-ๆ-ให้-2/

Unicef Thailand, เด็กทุกคนอ่านได้ เพราะการอ่านหนังสือมีผลต่อพัฒนาการของเด็กและยังเป็นพื้นฐานที่

สำคัญสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต, https://www.unicef.org/thailand/th/every-child-can-read

sanook.com, การ “อ่าน” ยังจำเป็นอยู่ไหม ในยุคที่เรา “ฟัง” เอาก็ได้, 15 เมษายน 2566,

https://www.sanook.com/campus/1414595/

BBC.com, Story time with e-books 'not as helpful' as print books, 25 มีนาคม 2562,

https://www.bbc.com/news/health-47666948  

voathai.com, สวีเดนพักหน้าจอไฮเทค ฟื้นฟูการอ่านเขียนของนักเรียน, 4 ตุลาคม 2566, https://www.voathai.com/a/sweden-brings-more-books-and-handwriting-practice-back-to-its-tech-heavy-schools/7272172.html

งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ

‘หนองสนิทโมเดล’ต้นแบบชุมชนเข้มแข็ง ก้าวสู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน
1708931705.jpg

Super Admin ID1

‘หนองสนิทโมเดล’ต้นแบบชุมชนเข้มแข็ง ก้าวสู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งย...

ทำความรู้จัก เพจ "สารส้ม" พื้นที่ปลอดภัย เสริมพลังเยาวชน ห่างยาเสพติด
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ทำความรู้จัก เพจ "สารส้ม" พื้นที่ปลอดภัย เสริมพลังเยาวชน ห่างยาเสพติด

มหัศจรรย์แห่งการอ่านสร้างพัฒนาการเด็ก ขับเคลื่อนสวัสดิการหนังสือ ‘อ่านสร้างลูก ลูกสร้างโลก’
1708931705.jpg

Super Admin ID1

มหัศจรรย์แห่งการอ่านสร้างพัฒนาการเด็ก ขับเคลื่อนสวัสดิการหนังสือ ‘อ่าน...

“บ้านปงใต้” ต้นแบบชุมชนป้องกันไฟป่า ลดแหล่งกำเนิด PM 2.5 เชียงใหม่
1708931705.jpg

Super Admin ID1

“บ้านปงใต้” ต้นแบบชุมชนป้องกันไฟป่า ลดแหล่งกำเนิด PM 2.5 เชียงใหม่

อุบัติเหตุบนท้องถนน คนเดินเท้าเสี่ยงเสียชีวิต-บาดเจ็บมากสุด
1708931705.jpg

Super Admin ID1

อุบัติเหตุบนท้องถนน คนเดินเท้าเสี่ยงเสียชีวิต-บาดเจ็บมากสุด

งานบทความที่เกี่ยวข้อง

มหัศจรรย์แห่งการอ่านสร้างพัฒนาการเด็ก ขับเคลื่อนสวัสดิการหนังสือ ‘อ่านสร้างลูก ลูกสร้างโลก’

Super Admin ID1

Highlight

ผลการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทยปี 2562 พบว่า เด็กไทยมีพัฒนาการด้านสติปัญญาและภาษาต่ำที่สุดจากทั้ง 4 ด้าน ที่ร้อยละ 61 ในเด็กผู้ชาย และร้อยละ 64 ในเด็กผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวยากจน จะมีพัฒนาการด้านสติปัญญาและภาษาต่ำไปด้วย

ครอบครัวมีส่วนสำคัญในเรื่องพัฒนาการของเด็ก การที่เด็กไม่ได้อยู่กับพ่อแม่มีส่วนทำให้การเรียนรู้ต่ำ เพราะไม่มีคนช่วยสอนการบ้านหรือทำกิจกรรม เช่น อ่านหนังสือ เล่าเรื่อง หรือเล่นกับเด็ก อีกทั้งยังการขาดความรู้ด้านโภชนาการที่มีผลทำให้อัตราการเรียนรู้ต่ำด้วย

สำนักงานสถิติแห่งชาติซึ่งสนับสนุนโดยองค์การยูนิเซฟ สำรวจในปี 2562 พบว่า มีครอบครัวเพียงร้อยละ 34 เท่านั้นที่มีหนังสือสำหรับเด็กอย่างน้อย 3 เล่ม หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ที่มีหนังสือในบ้าน ซึ่งนับว่าน้อยมาก และพบว่ายังมีเด็กปฐมวัยที่ยังเข้าไม่ถึงหนังสือกว่า 1.1 ล้านครัวเรือน

 

 

การอ่านมีความสำคัญสำหรับเด็กปฐมวัย นอกจากจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการในด้านต่าง ๆ แล้ว การอ่านหนังสือหรือเล่านิทานให้เด็กฟังยังเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก คนในครอบครัว หรือผู้เลี้ยงดู การอ่านยังเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ยิ่งได้รับการส่งเสริมให้รู้จักหนังสือและการอ่านเร็วเท่าไร ยิ่งจะมีพัฒนาการและความพร้อมในการเรียนรู้เร็วยิ่งขึ้น

แต่สถานการณ์ในปัจจุบันกลับพบว่า เด็กไทยมีปัญหาเรื่องพัฒนาการเพราะขาดโอกาสในการอ่านและเข้าถึงหนังสือ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่พ่อแม่ คนในครอบครัว หรือผู้เลี้ยงดู รวมทั้งชุมชนต้องร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมคุณค่าของหนังสือและการอ่านให้กับเด็ก ๆ