0

0

ผู้เขียน :kak

อัพเดทเมื่อวันที่ : 2025-07-27 06:58:29

บทนำ

อาหารเพื่อสุขภาวะ8
การใส่ตารางโดยการคัดลอกจากไฟล์เอกสาร Ducs, Word

การใส่ตารางโดยการคัดลอกจากไฟล์เอกสาร Ducs, Word

สารอาหาร

โปรตีน:

  • ร่างกายต้องการกรดอะมิโนเพื่อสร้างและแทนที่โปรตีน
  • แบ่งเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นและไม่จำเป็น
  • กรดอะมิโนที่จำเป็นสำคัญต่อการเจริญเติบโตของสัตว์

วิตามิน:

  • สารอินทรีย์ที่จำเป็นในปริมาณน้อยสำหรับการเติบโต
  • ขาดวิตามินทำให้เกิดอาการป่วย
  • แบ่งเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ (B, C) และไขมัน (A, D, E, K)

ไขมัน:

  • กรดไขมันเป็นกรดคาร์บอกซิลิกที่มีโซ่อลิฟาติก
  • แบ่งเป็นกรดไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว
  • ผลิตจากการไฮโดรไลสิสเอสเตอร์ในไขมันหรือน้ำมัน

 

คาร์โบไฮเดรต:

  • น้ำตาลคือสารให้ความหวานตามธรรมชาติ ผลิตจากอ้อยต้นตาล มะพร้าว และหัวบีท
  • โมโนแซคคาไรด์ เช่น กลูโคส เป็นที่เก็บพลังงานในเซลล์
อ้างอิง

ThaiHealth Knowledge Sharing (THKS) - Thai health knowledge sharing

 

 

งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ

คลื่นความร้อน:  สัญญาณวิกฤติภูมิอากาศและภัยคุกคามสุขภาพ
1708931705.jpg

Super Admin ID1

คลื่นความร้อน: สัญญาณวิกฤติภูมิอากาศและภัยคุกคามสุขภาพ

ส่วนที่ 2 กระบวนการและกลไกสร้างเสริมสุขภาวะ เพื่อจัดการแก้ไขปัจจัยเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางถนน
1708932589.JPG

Writer hotmail

ส่วนที่ 2 กระบวนการและกลไกสร้างเสริมสุขภาวะ เพื่อจัดการแก้ไขปัจจัยเสี่...

ส่วนที่ 4 บทสังเคราะห์ขบวนการขับเคลื่อนระบบอาหารเพื่อสุขภาวะ
1747913281.JPG

Admin ID3

ส่วนที่ 4 บทสังเคราะห์ขบวนการขับเคลื่อนระบบอาหารเพื่อสุขภาวะ

ข้ามพ้นภาวะเครียดช่วงโควิด-19 รักษาสุขภาพใจ ลดผลกระทบระยะยาว
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ข้ามพ้นภาวะเครียดช่วงโควิด-19 รักษาสุขภาพใจ ลดผลกระทบระยะยาว

Here to heal ...พื้นที่แห่งการดูแลจิตใจใกล้ตัว
1717644549.jpg

เบนจี้ ชลพรรษ

Here to heal ...พื้นที่แห่งการดูแลจิตใจใกล้ตัว

งานบทความที่เกี่ยวข้อง

ปรับเปลี่ยนทัศนคติคนไม่กินผัก ลองก่อนแล้วจะเห็นผลดีตามมา

Super Admin ID1
1749127108.jpg

ใคร ๆ ก็ทราบดีว่าการกินและผักผลไม้นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่จากการสำรวจของโครงการศึกษาพฤติกรรมการกินผักและผลไม้ของคนไทยโดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล จากกลุ่มตัวอย่างอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 6,991 คน พบว่า เกือบ 2 ใน 3 ของคนไทย หรือร้อยละ 65.5 กินผักและผลไม้เฉลี่ยเพียง 336.9 กรัมต่อวัน ขณะที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้กินอย่างน้อย 400 กรัมต่อวัน โดยปัจจัยด้านเพศ อายุ สถานภาพสมรส การศึกษา อาชีพ และรายได้ มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับการกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอของคนไทย
ยกตัวอย่างผลสำรวจ ผู้ชายมีแนวโน้มกินผักและผลไม้น้อยกว่าผู้หญิง ซึ่งสะท้อนว่าผู้ชายอาจมีความตระหนักด้านสุขภาพน้อยกว่า กลุ่มวัยอายุน้อย (15-29 ปี) และกลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) มีแนวโน้มกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอมากกว่าวัยอื่น ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่พบว่า คนเข้าสู่วัยหนุ่มสาวจะเริ่มใช้ชีวิตอย่างอิสระและเสี่ยงต่อพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ด้านคนโสดก็มีแนวโน้มกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอมากกว่ากลุ่มคนที่แต่งงานแล้ว หรือคนกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอมากกว่าคนในพื้นที่อื่น เนื่องจากชีวิตประจำวันที่ถูกจำกัดด้วยเวลา ฯลฯ 

คำถามก็คือ จะรณรงค์อย่างไรให้คนไทยหันมากินผักและผลไม้เพิ่มมากขึ้น อันดับแรกคงต้องตอกย้ำทัศนะคติที่ว่า การไม่กินผักผลไม้ไม่เห็น (ป่วย) เป็นอะไร เป็นเรื่องที่ยังไม่เห็นผลในระยะสั้น แต่จะเกิดผลในระยะยาว โดยการบริโภคผักและผลไม้อย่างเพียงพอในแต่ละวัน สามารถช่วยลดภาวะโรคต่าง ๆ ได้ อาทิ หัวใจขาดเลือด  เส้นเลือดในสมองตีบ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่  
อย่างไรก็ดี เข้าใจได้ว่า คนที่ไม่ชอบกินผักและผลไม้เป็นทุนเดิม เป็นเรื่องยากในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน แต่เพื่อสุขภาพที่ดี เมื่อรู้ว่ากินแล้วมีประโยชน์ ทำไมถึงจะไม่ทำ ขั้นตอนแรกคงต้องเปิดใจลองกินผักสดต่าง ๆ ดู ถ้ายังยากอยู่อาจจะเริ่มจากการกินสลัดผัก หรือยำประเภทต่าง ๆ ที่มีผักเยอะ ๆ อาจจะช่วยให้กินผักได้ง่ายขึ้น หรือกินผักชุบแป้งทอดก็อาจมีรสชาติให้กินได้ง่ายขึ้น
นอกจากนั้น ควรลองเมนูใหม่ ๆ ที่มีส่วนผสมของผักในสัดส่วนที่พอ ๆ กับเนื้อสัตว์ อย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แกงเลียง แกงอ่อม หรือเกาเหลา และหากพบว่าทั้ง 3 มื้อในหนึ่งวันยังกินผักในสัดส่วนที่ยังไม่มากพอก็ให้เพิ่มสัดส่วนการกินผลไม้เพิ่มเติม โดยเลือกผลไม้ที่รสไม่หวานจนเกินไป ซึ่งหากลองปรับเปลี่ยนการกินมาได้ระยะหนึ่งอาจจะเห็นผลในเรื่องการขับถ่ายที่ดีขึ้น และรูปร่างดีขึ้นอีกด้วย 
ปัญหาใหญ่ที่หลายคนอาจวิตกกังวลคือ จะเลือกกินผักอย่างไรให้ปลอดภัย เพราะผักในตลาดทั่วไปมักมีสารเคมีตกค้างเยอะ เพื่อความสบายใจในเรื่องนี้ เราอาจต้องเลือกซื้อผักที่ปลอดภัยมาทำอาหารเองที่บ้านตามโอกาสที่เหมาะสม เช่น เลือกผักตามฤดูกาล  หรือผักพื้นบ้านที่ปลูกง่าย ไม่ต้องพึ่งสารเคมี เพื่อเพิ่มสัดส่วนการกินผักในแต่ละมื้อจากร้านอาหาร 
            แล้วเรารู้ได้อย่างไรว่า ผักผลไม้ที่กินในแต่ละวันมีสัดส่วนเพียงพอตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำหรือไม่ วิธีการง่าย ๆ คงต้องใช้วิธีการคำนวณให้มีผักโดยรวมประมาณครึ่งจาน ที่เหลือเป็นคาร์โบไฮเดรต บวกกับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ หากทำได้อย่างสม่ำเสมอ เราจะเริ่มเคยชินกับการกินผักและผลไม้มากขึ้น ได้สัดส่วนมากขึ้น เมื่อทำได้จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในระยะยาว ซึ่งจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายทางสุขภาพทั้งในระดับครัวเรือน และประเทศตามมา