4

4

ผู้เขียน :Super Admin ID1

อัพเดทเมื่อวันที่ : 2025-06-09 09:02:56

บทนำ

ใคร ๆ ก็ทราบดีว่าการกินและผักผลไม้นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่จากการสำรวจของโครงการศึกษาพฤติกรรมการกินผักและผลไม้ของคนไทยโดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล จากกลุ่มตัวอย่างอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 6,991 คน พบว่า เกือบ 2 ใน 3 ของคนไทย หรือร้อยละ 65.5 กินผักและผลไม้เฉลี่ยเพียง 336.9 กรัมต่อวัน ขณะที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้กินอย่างน้อย 400 กรัมต่อวัน โดยปัจจัยด้านเพศ อายุ สถานภาพสมรส การศึกษา อาชีพ และรายได้ มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับการกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอของคนไทย
ยกตัวอย่างผลสำรวจ ผู้ชายมีแนวโน้มกินผักและผลไม้น้อยกว่าผู้หญิง ซึ่งสะท้อนว่าผู้ชายอาจมีความตระหนักด้านสุขภาพน้อยกว่า กลุ่มวัยอายุน้อย (15-29 ปี) และกลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) มีแนวโน้มกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอมากกว่าวัยอื่น ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่พบว่า คนเข้าสู่วัยหนุ่มสาวจะเริ่มใช้ชีวิตอย่างอิสระและเสี่ยงต่อพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ด้านคนโสดก็มีแนวโน้มกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอมากกว่ากลุ่มคนที่แต่งงานแล้ว หรือคนกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอมากกว่าคนในพื้นที่อื่น เนื่องจากชีวิตประจำวันที่ถูกจำกัดด้วยเวลา ฯลฯ 

คำถามก็คือ จะรณรงค์อย่างไรให้คนไทยหันมากินผักและผลไม้เพิ่มมากขึ้น อันดับแรกคงต้องตอกย้ำทัศนะคติที่ว่า การไม่กินผักผลไม้ไม่เห็น (ป่วย) เป็นอะไร เป็นเรื่องที่ยังไม่เห็นผลในระยะสั้น แต่จะเกิดผลในระยะยาว โดยการบริโภคผักและผลไม้อย่างเพียงพอในแต่ละวัน สามารถช่วยลดภาวะโรคต่าง ๆ ได้ อาทิ หัวใจขาดเลือด  เส้นเลือดในสมองตีบ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่  
อย่างไรก็ดี เข้าใจได้ว่า คนที่ไม่ชอบกินผักและผลไม้เป็นทุนเดิม เป็นเรื่องยากในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน แต่เพื่อสุขภาพที่ดี เมื่อรู้ว่ากินแล้วมีประโยชน์ ทำไมถึงจะไม่ทำ ขั้นตอนแรกคงต้องเปิดใจลองกินผักสดต่าง ๆ ดู ถ้ายังยากอยู่อาจจะเริ่มจากการกินสลัดผัก หรือยำประเภทต่าง ๆ ที่มีผักเยอะ ๆ อาจจะช่วยให้กินผักได้ง่ายขึ้น หรือกินผักชุบแป้งทอดก็อาจมีรสชาติให้กินได้ง่ายขึ้น
นอกจากนั้น ควรลองเมนูใหม่ ๆ ที่มีส่วนผสมของผักในสัดส่วนที่พอ ๆ กับเนื้อสัตว์ อย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แกงเลียง แกงอ่อม หรือเกาเหลา และหากพบว่าทั้ง 3 มื้อในหนึ่งวันยังกินผักในสัดส่วนที่ยังไม่มากพอก็ให้เพิ่มสัดส่วนการกินผลไม้เพิ่มเติม โดยเลือกผลไม้ที่รสไม่หวานจนเกินไป ซึ่งหากลองปรับเปลี่ยนการกินมาได้ระยะหนึ่งอาจจะเห็นผลในเรื่องการขับถ่ายที่ดีขึ้น และรูปร่างดีขึ้นอีกด้วย 
ปัญหาใหญ่ที่หลายคนอาจวิตกกังวลคือ จะเลือกกินผักอย่างไรให้ปลอดภัย เพราะผักในตลาดทั่วไปมักมีสารเคมีตกค้างเยอะ เพื่อความสบายใจในเรื่องนี้ เราอาจต้องเลือกซื้อผักที่ปลอดภัยมาทำอาหารเองที่บ้านตามโอกาสที่เหมาะสม เช่น เลือกผักตามฤดูกาล  หรือผักพื้นบ้านที่ปลูกง่าย ไม่ต้องพึ่งสารเคมี เพื่อเพิ่มสัดส่วนการกินผักในแต่ละมื้อจากร้านอาหาร 
            แล้วเรารู้ได้อย่างไรว่า ผักผลไม้ที่กินในแต่ละวันมีสัดส่วนเพียงพอตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำหรือไม่ วิธีการง่าย ๆ คงต้องใช้วิธีการคำนวณให้มีผักโดยรวมประมาณครึ่งจาน ที่เหลือเป็นคาร์โบไฮเดรต บวกกับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ หากทำได้อย่างสม่ำเสมอ เราจะเริ่มเคยชินกับการกินผักและผลไม้มากขึ้น ได้สัดส่วนมากขึ้น เมื่อทำได้จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในระยะยาว ซึ่งจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายทางสุขภาพทั้งในระดับครัวเรือน และประเทศตามมา  
 

อ้างอิง

ปัจจัยทางประชากรและสังคมที่มีอิทธิพลต่อการกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอของคนไทย, https://shorturl.asia/ktrVC
5 เหตุผลบอกลาความคิด… “ก็รู้ว่าผักดี แต่ไม่กิน”, https://shorturl.asia/D0cHi
 

งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ

การจราจรซ้ายมือและขวามือ
1708932589.JPG

Writer hotmail

การจราจรซ้ายมือและขวามือ

อุบัติเหตุบนท้องถนน คนเดินเท้าเสี่ยงเสียชีวิต-บาดเจ็บมากสุด
1708931705.jpg

Super Admin ID1

อุบัติเหตุบนท้องถนน คนเดินเท้าเสี่ยงเสียชีวิต-บาดเจ็บมากสุด

มหัศจรรย์แห่งการอ่านสร้างพัฒนาการเด็ก ขับเคลื่อนสวัสดิการหนังสือ ‘อ่านสร้างลูก ลูกสร้างโลก’
1708931705.jpg

Super Admin ID1

มหัศจรรย์แห่งการอ่านสร้างพัฒนาการเด็ก ขับเคลื่อนสวัสดิการหนังสือ ‘อ่าน...

‘ลองโควิด’ สึนามิลูกต่อมา ฉุดเศรษฐกิจและกระทบการใช้ชีวิต
1708931705.jpg

Super Admin ID1

‘ลองโควิด’ สึนามิลูกต่อมา ฉุดเศรษฐกิจและกระทบการใช้ชีวิต

บุหรี่
defaultuser.png

Don Admin

บุหรี่

งานบทความที่เกี่ยวข้อง

กินอาหารอย่างฉลาด…ห่างไกลโรค

admin

 

อาหารเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังของคนไทยปัจจุบันอาหารจึงไม่ใช่เรื่องเล็กที่ทุกคนจะละเลยได้อีกต่อไป เพราะอาหารที่เรากินเข้าไปมีผลต่อสุขภาพ กล่าวคือ ถ้าเรากินพอดี เพียงพอแก่ความต้องการของร่างกาย ก็จะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง แต่ถ้าเรากินอาหารมากไป เกินความต้องการของร่างกายอาหารก็จะไปสะสมบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกายและส่งผลให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และโรคไตเรื้อรัง ซึ่งโรคดังกล่าวสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ด้วยการมีพฤติกรรมการกินที่ถูกต้องเหมาะสมดังนี้

 

กินพอดีกินอย่างไร?

กินพอ คือ กินอาหารให้ครบทุกกลุ่มอาหาร ในปริมาณที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย

กินดี คือ กินอาหารที่มีประโยชน์ หลากหลายชนิด ไม่ซ้ำซากจำเจ

การกินพอดี จะช่วยให้ร่างกายเติบโตแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส ไม่เจ็บป่วยง่าย นอกจากนั้น             ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และสุขภาพแข็งแรง

การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทำให้ได้สารอาหารหลากหลาย ครบถ้วน ได้แก่

อาหารหมู่ที่ 1  กลุ่มเนื้อสัตว์ ถั่วเมล็ดแห้ง ไข่ นม ให้สารอาหารประเภทโปรตีน แคลเซียม

อาหารหมู่ที่ 2  กลุ่มข้าว-แป้ง ข้าวโพด เผือก มัน ให้พลังงานแก่ร่างกาย

อาหารหมู่ที่ 3  กลุ่มผักต่างๆ ให้สารอาหารประเภทวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร

อาหารหมูที่ 4  กลุ่มผลไม้ต่างๆ ให้สารอาหารประเภทวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร

อาหารหมู่ที่ 5  กลุ่มไขมัน ให้พลังงาน สร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยดูดซึมวิตามิน

ดังนั้น เราควรกินอาหารให้หลากหลายชนิดในแต่ละกลุ่มหมุนเวียนกันไปไม่กินซ้ำซากจำเจเพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง เพื่อให้ได้สารอาหารต่างๆ ครบถ้วน และหลีกเลี่ยงการสะสมพิษภัยจากการปนเปื้อนในอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งที่กินเป็นประจำ

นอกจากกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และหลากหลายแล้ว ร่างกายยังต้องการอาหารแต่ละหมู่              ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดอาหาร 5 หมู่ ให้เป็นกลุ่มอาหารที่เราควรกิน    ในปริมาณมากน้อยแตกต่างกันไปเพื่อให้ง่ายต่อการนำไปปฏิบัติ เป็น “ธงโภชนาการ” การกินอาหารตาม             “ธงโภชนาการ” ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 5 วัน งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคเรื้อรัง

Food | Definition & Nutrition | Britannica

แหล่งข้อมูล : กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. สำรับอาหารสุขภาพ