0

0

บทนำ

Highlight

• บริการทางการแพทย์ที่นำเทคโนโลยีมาปรับใช้เป็นบริการระบบสุขภาพวิถีใหม่ ที่เรียกว่า Telemedicine สามารถช่วยเว้นระยะห่างทางสังคมในการรักษาผู้ป่วยโควิด – 19

• การรักษาด้วยวิธีโทรเวชกรรมสามารถพูดคุยแบบ Real-time ผ่านระบบ VDO conference สามารถช่วยคัดกรองผู้ป่วยได้ในเบื้องต้น

สสส. จับมือมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ สร้างความเข้าใจไม่เลือกปฏิบัติกับกลุ่มเสี่ยงและผู้ติดเชื้อโควิด - 19ภายใต้แนวคิด “สู้โควิด-19 แบบไม่ตีตราและไม่เลือกปฏิบัติ”

• ใช้แอปพลิเคชัน Clicknic ให้คำปรึกษาผ่านวิดีโอคอล และปรับทัศนคติคนในชุมชนให้ลดการตีตราและเลือกปฏิบัติต่อผู้ป่วยที่หายป่วยจากโควิด-19

 

 

กว่าจะถึงวันที่เราไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้าน สามารถเขยิบระยะห่างเข้าหากันได้ใกล้ขึ้น และกระทั่งสามารถใช้ชีวิตได้ตามปรกติอย่างที่เคยเป็น วันนั้นเชื้อไวรัสโควิดคงจะเปลี่ยนสายพันธุ์ใหม่ไปอีกมาก และอาจจะเปลี่ยนโลก สังคม และผู้คนไปจากเดิมในอีกหลายมิติ

 

ในวิกฤตของสถานการณ์โควิด-19 จึงเป็นโอกาสที่ระบบบริการสุขภาพของไทยควรจะได้รับปรับปรุงพัฒนาให้มีมาตรฐานที่ดีมากยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับสถานการณ์โรคระบาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยใช้ช่วงจังหวะที่คนไทยหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้นเป็นแรงหนุน นำบริการทางการแพทย์ในรูปแบบใหม่ ๆ มาใช้ในการรักษา นั่นคือการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เป็นบริการระบบสุขภาพวิถีใหม่ ที่เรียกว่า Telemedicine (โทรเวชกรรม) หรือระบบแพทย์ทางไกล

 

โทรเวชกรรมคือการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการดูแลสุขภาพ โดยที่สามารถลดอุปสรรคด้านระยะทาง ลดการเดินทาง ลดค่าใช้จ่าย ลดระยะเวลาการนอนพักรักษาในโรงพยาบาล โดยที่ผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลไม่จําเป็นต้องเข้ารับการตรวจรักษา แต่สามารถรับคำปรึกษา ตรวจวินิจฉัย และรักษาจากแพทย์อย่างรวดเร็วทันเวลา อีกทั้งสามารถติดตามการรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อรังได้ตลอดเวลาและต่อเนื่อง

 

การรักษาด้วยวิธีนี้จะมีการพูดคุยแบบ Real-time (เสมือนจริง) สื่อสารผ่านระบบ VDO conference (การส่งสัญญาณภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียง) ซึ่งคู่สนทนาสามารถมองเห็นหน้าและสนทนากันได้ทั้ง 2 ฝ่าย ช่วยลดข้อจำกัดเรื่องเวลา สถานที่ และช่วงในการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ยังสามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้ด้วย ซึ่งจะช่วยคัดกรองผู้ป่วยในเบื้องต้น ช่วยประหยัดเวลา และลดความแออัดของโรงพยาบาลลงได้

 

 

Clicknic แอปติดตามดูแลผู้เคยป่วย

อย่างไรก็ตาม นอกจากการคัดกรองผู้ป่วยโควิด – 19 ด้วยระบบโทรเวชกรรมแล้ว กลุ่มผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วก็ยังต้องได้รับการดูแลและติดตามผลหลังออกจากโรงพยาบาล ซึ่งทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Clicknic ขึ้นมาเพื่อวิดีโอคอล (VDO Call) ให้คำปรึกษากับผู้ป่วยกลุ่มนี้ เนื่องจากอดีตความเป็นผู้ติดโควิดจะถูกปฏิเสธจากสังคม

 

ขณะเดียวกัน สำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สสส. ได้พัฒนาหลักสูตรการอบรมระยะสั้นเพื่อฝึกทักษะการให้คำปรึกษาแบบออนไลน์แก่นักสังคมสงเคราะห์ประจำโรงพยาบาลและเครือข่ายนักสังคมสงเคราะห์ รวมทั้งอาสาสมัครที่จะทำงานร่วมกันเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ แก่ผู้ป่วยอย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วยที่หายจากโควิด-19 สามารถใช้ชีวิตและกลับคืนสู่ชุมชนได้ตามปรกติ

 

 

 

 

ไม่ตีตรารังเกียจหรือเลือกปฏิบัติ

ปัญหาที่ตามมาของผู้ป่วยกลุ่มที่หายจากโควิด – 19 ก็คือ ถูกคนในชุมชนกีดกันหรือขับไล่ออกนอกพื้นที่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์คล้ายกับที่ผู้ป่วยเอชไอวีเคยเผชิญเมื่อ 30 ปีก่อน เนื่องจากคนจะกลัวหรือกังวลว่าจะติดเชื้อ จึงมีทัศนคติเชิงลบต่อผู้ป่วยหรือแม้แต่คนที่หายป่วยแล้ว ส่งผลให้คนเหล่านั้นอาจกลายเป็นคนตกงาน และขาดรายได้ชั่วคราว หรือบางรายอาจจะตกงานถาวร

 

สสส. จึงร่วมมือกับมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ สร้างความเข้าใจไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคและผู้ติดเชื้อ รวมไปถึงครอบครัวและคนใกล้ชิดของกลุ่มคนเหล่านี้ที่อาจได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ภายใต้แนวคิด “สู้โควิด-19 แบบไม่ตีตราและไม่เลือกปฏิบัติ” เพื่อทำความเข้าใจและปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้คนให้เกิดการยอมรับ โดยมีการรณรงค์ “ยินดีต้อนรับ ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ตีตรา” ให้ทุกคนทุกฝ่ายระมัดระวังคำพูด สายตา และท่าทาง ต่อผู้ที่ผ่านวิกฤตโควิด ตลอดจนควรให้กำลังใจหรือให้การต้อนรับผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วกลับเข้าสู่สังคม โดยให้เข้าใจร่วมกันว่า การติดโควิด – 19 ไม่ได้ทำให้คุณค่าความเป็นมนุษย์ของพวกเขาลดลง แต่ยังเป็นสมาชิกของครอบครัวและสังคมที่สามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้เหมือนเดิม

 

แนวทางนี้จะเป็นจริงได้จำเป็นต้องร่วมกันทำให้ชุมชนมีความปลอดภัย ไม่รังเกียจ ไม่ขับไล่ผู้ที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรค ผู้ติดเชื้อ รวมทั้งผู้ที่รักษาโควิด-19 หายแล้ว เพื่อให้คนเหล่านี้เต็มใจในการให้ข้อมูลและเข้ารับการรักษา โดยทาง สสส. ได้เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเพื่อลดการตีตราและเลือกปฏิบัติ คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทำให้ผู้ที่เคยติดเชื้อมีความรู้ในการดูแลตัวเอง เกิดความมั่นใจมากขึ้นเมื่อกลับเข้าสู่สังคม

 

ตัวย่างเช่นกรณี ทองสุข ทองราช อาชีพขับรถแท็กซี่ อดีตผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวจนหายเป็นปกติแล้ว แต่เมื่อกลับมาขับแท็กซี่อีกครั้งก็ถูกผู้โดยสารขอลงจากรถกะทันหัน เพราะจำหน้าได้ ซึ่งเหตุการณ์นั้นบั่นทอนกำลังใจทองสุขอย่างมาก จนเกือบตัดสินใจเลิกอาชีพขับรถและมีความคิดอยากฆ่าตัวตายมาแล้ว

 

ดังนั้นหน้าที่ของนักสังคมสงเคราะห์และอาสาสมัครที่ต้องให้คำปรึกษาทั้งผู้ป่วยและผู้คนในสังคมมีทัศนคติในเชิงบวก จึงเป็นบทบาทสำคัญที่มีส่วนช่วยให้ผู้ผ่านฝันร้ายจากโควิดได้กลับคืนสู่สังคมอย่างปรกติสุข

อ้างอิง

https://resourcecenter.thaihealth.or.th/

งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ

เครื่องดื่ม ‘น้ำตาล 0%’  อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของสุขภาพและรอบเอว!
1708931705.jpg

Super Admin ID1

เครื่องดื่ม ‘น้ำตาล 0%’ อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของสุขภาพและรอบเอว!

ส่วนที่ 3 บริบทแวดล้อมและปัจจัยเอื้อ เครื่องมือ/สื่อในการสร้างเสริมสุขภาวะด้านความปลอดภัยทางถนน
1708932589.JPG

Writer Don ID2

ส่วนที่ 3 บริบทแวดล้อมและปัจจัยเอื้อ เครื่องมือ/สื่อในการสร้างเสริมสุข...

ถึงเวลาเลิกพฤติกรรมเนือยนิ่ง เสริมแกร่งร่างกายห่างไกลโรค
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ถึงเวลาเลิกพฤติกรรมเนือยนิ่ง เสริมแกร่งร่างกายห่างไกลโรค

สุขภาพดี…เพราะมีสวน ‘พื้นที่สีเขียว’ ตัวกระตุ้นกิจกรรมทางกาย
1708931705.jpg

Super Admin ID1

สุขภาพดี…เพราะมีสวน ‘พื้นที่สีเขียว’ ตัวกระตุ้นกิจกรรมทางกาย

การสื่อสารระหว่าง Generation Gap เปลี่ยน ‘ช่องว่าง’ ให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์
1708931705.jpg

Super Admin ID1

การสื่อสารระหว่าง Generation Gap เปลี่ยน ‘ช่องว่าง’ ให้เป็นพื้นที่สร้า...

งานบทความที่เกี่ยวข้อง

ไม่พบบทความที่เกี่ยวข้อง