0

0

ผู้เขียน :Super Admin ID1

อัพเดทเมื่อวันที่ : 2025-07-30 15:03:28

บทนำ

 

ได้เวลาเลิกงาน ฝนเจ้ากรรมก็เทลงมา ทำให้ต้องเดินทางกลับบ้านกลางสายฝนวันแล้ววันเล่า

“ฝนราชการ” ที่ไม่เคยพลาดเวลาเลิกงานนี้ แท้ที่จริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือสามารถอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ บทความนี้มีคำตอบ พร้อมด้วยวิธีรับมือกับฝนให้รอดปลอดภัยและสบายดี … หยิบร่มมาแล้วออกเดินทางกันเลย!

ทำไมฝนชอบตกตอนเลิกงาน?

กับคำถามที่หลายคนสงสัย ฝนในลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และสามารถอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) อธิบายสาเหตุที่ฝนชอบตกตอนเย็น ๆ ใกล้เวลาเลิกงานหรือเวลากลับบ้านว่า “สาเหตุเพราะในช่วงหน้าฝนมีไอน้ำในอากาศเยอะ ความชื้นสัมพัทธ์สูง พออากาศโดนแดดนานเข้าจากเช้า สาย เที่ยง บ่าย ไอน้ำในอากาศซึ่งร้อนขึ้นจะฟิตจัดหรือมีพลังงานเยอะ จึงลอยสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วกลั่นตัวเป็นหยดน้ำเล็ก ๆ จำนวนมาก ก่อม็อบกลายเป็นเมฆก้อนหนักขึ้น จนถึงจุดหนึ่งก็หนักเกินไป ตกลงมาเป็นฝน…

 

“ช่วงเย็นที่ฝนตกตรงเวลา น่าจะเป็นเพราะมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งพอมรสุมตัวนี้เข้ามาแล้ว มันจะมีวงจรของมันที่เกิดจากพลังงานของดวงอาทิตย์ พอถึงวงรอบได้ที่ก็กระตุ้นให้เกิดฝนตก ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาคนเลิกงานพอดี”

ส่วนฝนตกตอนเย็นจะเกี่ยวกับปรากฏการณ์โดมความร้อนคือ การที่เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ มีความร้อนสะสมตัวกักเก็บไว้ในเมืองอยู่สูงหรือไม่นั้น ยังเป็นเรื่องถกเถียง และรอการพิสูจน์

 

ระวัง! โรคติดต่อที่มากับฤดูฝน

ก้าวเข้าสู่ฤดูฝน สิ่งที่จะได้มาไม่ใช่เพียงสายฝนที่ตกลงมา แต่ยังนำด้วยโรคต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราได้ จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขได้ระบุเกี่ยวกับโรคที่มากับฤดูฝน ดังนี้

  • โรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง มีอาการคือ ตาแดง ปวดตา คันตา น้ำตาไหล สามารถป้องกัน

ด้วยการล้างมือและเลี่ยงใช้ของร่วมกับผู้อื่น

  • โรคไข้หวัดใหญ่ ผู้ป่วยมักมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ไอเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ป้องกันได้ด้วย

การใช้ผ้าปิดปากและจมูก สวมหน้ากากอนามัย หรือฉีดวัคซีนป้องกัน

  • โรคไข้เลือดออก อาการคือ ปวดตัวและกระดูก มีไข้สูงประมาณ 2-7 วัน จากนั้นไข้จะลด

เฉียบพลัน มีผื่นแดงหรือจ้ำเลือด ป้องกันด้วยการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

  • โรคฉี่หนู อาการไข้ขึ้นสูง ตาแดง ปวดศีรษะ กล้ามเนื้อน่องและโคนขาอย่างรุนแรง โดยผู้ป่วย 5-

10% มีอาการรุนแรง เช่น ไตวาย หรือช็อคได้

  • โรคอุจจาระร่วงบิด, ไทฟอยด์, อาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสีย มีไข้ ปวดบิดในท้อง หากติดเชื้อมักจะมีอาการถ่ายมีมูกเลือดปน
เปียกฝนอย่างไรให้ยังสบายดี!

เมื่อต้องเจอกับฝน หากไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ร่ม เสื้อกันฝน ฯลฯ ให้พร้อมก็อาจต้องเปียกและถ้าเปียกแล้ว ควรทำอย่างไรถึงจะไม่ป่วย  

1. ถอดเสื้อผ้าเปียกหรือเปลี่ยนชุด (ถ้าทำได้) ให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งเอง อาจทำให้เป็นไข้หวัด และรีบซักเสื้อผ้าเพื่อไม่ให้เกิดราหรือเหม็นอับ

2. อาบน้ำ ในน้ำฝนอาจมีสิ่งสกปรกปนเปื้อน หลังถอดเสื้อผ้าเปียกออกแล้วต้องอาบน้ำสระผมชำระร่างกายทันที ถ้าอาบน้ำเย็นให้ราดน้ำที่เท้าก่อนเพื่อปรับอุณหภูมิร่างกาย ทำความสะอาดจุดที่สัมผัสฝน เช่น เท้า เพื่อป้องกันเชื้อโรค

3. เช็ดตัวและเป่าผมให้แห้ง เพื่อป้องกันการเป็นไข้ไม่สบาย

4. ดื่มเครื่องดื่มร้อน ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น สบาย ผ่อนคลาย และหลับสบาย อาทิ น้ำขิง นมร้อน ชาร้อน ฯลฯ

5. พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะเมื่อเปียกฝน อุณหภูมิร่างกายอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายอ่อนแอ หากนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เมื่อตื่นขึ้นมาก็จะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มีพลัง

6. ไม่เปียกฝนซ้ำบ่อย ๆ ควรพกอุปกรณ์กันฝนไว้เสมอ

 

 

ขับขี่อย่างปลอดภัยในหน้าฝน

ฤดูฝนเป็นช่วงที่สภาพถนนเปียกลื่น มีน้ำท่วมขัง และทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง และรุนแรงกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงที่ฝนตก 10 นาทีแรก เป็นช่วงที่รถมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดจากการลื่นไถล เพราะน้ำฝนจะชะล้างคราบน้ำมันและฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนพื้นถนน ทำให้เกิดเป็นเสมือนแผ่นฟิล์มฉาบอยู่บนผิวถนน อาจส่งผลให้รถลื่นและเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุได้

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวถึงสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่น่าตกใจ คือ ช่วงเดือนกันยายนปี 2565 ที่มีฝนตกหนัก มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 8,138 ราย เสียชีวิต 105 รวม 8,243 ราย จึงขอแนะนำให้ประชาชนผู้ใช้ถนนในวันฝนตกดังนี้

1.เพิ่มความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ โดยลดความเร็วลงกว่าระดับปกติ เนื่องจากพื้นถนนที่เปียก รถจะใช้ระยะเบรกเพิ่มขึ้น และควรใช้ความเร็วที่เหมาะสมไม่เกิน 30-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยให้สามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.เปิดไฟหน้ารถเสมอ ใช้ไฟต่ำจะช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่าง ๆ บนถนนได้ชัดเจนขึ้น และให้รถคันอื่นมองเห็นรถของเราได้ในระยะไกล 

3.เปิดใบปัดน้ำฝน ปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงของฝนที่ตกลงมา จะช่วยให้เรามองเห็นเส้นทางได้ตลอดเวลา 

4.เว้นระยะห่างจากท้ายรถคันหน้าให้มากกว่าปกติอย่างน้อย 10-15 เมตร เพื่อให้มีระยะเบรกที่เพียงพอและปลอดภัย

5.หลีกเลี่ยงการแซง แต่หากจำเป็นควรประเมินสถานการณ์ให้ดีก่อนแซง

6.ในกรณีที่รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ไม่ควรเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนทันที อาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ควรใช้เกียร์ต่ำ และค่อยๆ เบรก เพื่อลดความเร็ว แล้วจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ

7.เมื่อต้องขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง ขอให้หยุดประเมินสถานการณ์ หากระดับน้ำสูงกว่าขอบประตูรถ ไม่ควรขับฝ่าไป ควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน  ทั้งนี้ หากพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ให้โทร 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพทันที

 

          นอกจากนี้ การดูแลรักษารถยนต์ให้มีความพร้อมในการขับขี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญเช่นกัน โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ได้ให้คำแนะนำไว้ ดังนี้

- ตรวจเช็กระบบเบรก ผ้าเบรก จานเบรก และน้ำมันเบรกให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน

- หม้อน้ำ ตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่อุดตัน รั่วซึม เติมน้ำให้อยู่ในระดับที่กำหนด

- ใบปัดน้ำฝน เนื้อยางต้องไม่แห้งกรอบ สามารถกวาดน้ำได้สะอาด ไม่มีรอยขุ่นมัว และไม่มีเสียงดังขณะใช้งาน

- ยางรถยนต์ มีดอกยางละเอียด ร่องยางลึก ไม่มีรอยปริ แตก บวม ควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติ 2 – 3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรีดน้ำและยึดเกาะถนน

- สัญญาณไฟ สว่างไม่ขุ่นมัวทุกดวง ปรับตั้งให้ส่องสว่างเห็นเส้นทางชัดเจน และอยู่ในระดับเดียวกันทั้ง 2 ข้าง

- อุปกรณ์ฉุกเฉินที่ควรมี เช่น ยางอะไหล่ ไฟฉาย อุปกรณ์ลากพ่วงจูง ฯลฯ

 

 

 

ดังนั้นคำว่า “ฝนราชการ” จึงถือเป็นปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาที่มาพร้อมคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ว่าจะเจอฝนชนิดใด อย่าลืมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและดูแลสุขภาพเพื่อหลีกเลี่ยงการล้มป่วยจากโรคที่มากับฝน

 

อ้างอิง

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ, ระวัง!โรคติดต่อที่มากับฤดูฝน, 23 มีนาคม 2565,

https://resourcecenter.thaihealth.or.th/media/YKrM

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ, 7 วิธี ขับขี่ปลอดภัยช่วงฝนตก น้ำท่วมขัง,  22 กันยายน

2565, https://www.thaihealth.or.th/7-วิธี-ขับขี่ปลอดภัยช่วง/

ไทยรัฐออนไลน์, ไขข้อสงสัย "ฝนราชการ" มักตกช่วงเวลาหลังเลิกงาน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ, 31 สิงหาคม 2566,

https://www.thairath.co.th/news/society/2721585

ไทยรัฐออนไลน์, โดนฝนแต่ไม่ป่วย 6 วิธีฟื้นตัวให้เร็ว! ไม่ต้องจมอยู่กับเชื้อโรคนาน, 15 ตุลาคม 2560,

https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1095070

PPTV online, ปภ.แนะนำ ขับรถช่วงฤดูฝนอย่างไร ให้ปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ, 21 พฤษภาคม 2566,

https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/196884

 

งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ

เกี่ยวกับเรา
1748965111.jfif

Super Admin ID2

เกี่ยวกับเรา

พลิกวิกฤตการระบาดโควิด - 19 สู่บริการระบบสุขภาพวิถีใหม่
1708931705.jpg

Super Admin ID1

พลิกวิกฤตการระบาดโควิด - 19 สู่บริการระบบสุขภาพวิถีใหม่

ฝุ่น PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็ง เสี่ยงเสียชีวิตสูง ตายปีละ 7 หมื่นคน
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ฝุ่น PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็ง เสี่ยงเสียชีวิตสูง ตายปีละ 7 หมื่นคน

เพิ่มพลังนม เพื่อสุขภาพ (และส่วนสูง) เด็กไทย!
1708931705.jpg

Super Admin ID1

เพิ่มพลังนม เพื่อสุขภาพ (และส่วนสูง) เด็กไทย!

มาตรการ “หวานน้อย”  ทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
1708931705.jpg

Super Admin ID1

มาตรการ “หวานน้อย” ทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

งานบทความที่เกี่ยวข้อง

การตรวจสุขภาพตับ ทวงคืนสุขภาพที่ดี

Super Admin ID1

 

 

“ตับ” เป็นอวัยวะซึ่งมีหน้าที่สำคัญ หากตับมีความผิดปรกติ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต และปัจจัยสำคัญซึ่งทำให้ตับมีปัญหาคือ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการสูบบุหรี่ เพื่อดูแลตับให้ทำหน้าที่ได้อย่างปกติจึงควรละหรือเลิกเหล้า ผู้ที่ดื่มในปริมาณมากหรือดื่มต่อเนื่องมายาวนาน ควรตรวจสุขภาพหรือวัดเอนไซม์ตับ