3.2.1 สื่อการเรียนรู้วีดิทัศน์ พร้อมคู่มือเสริมสร้างทักษะชีวิตในเด็กวัยรุ่น “เติมเต็มความเข้มแข็งทางใจ”
กีฬาสร้างสรรค์เส้นทางชีวิต" เป็นละครสั้นที่มีจำนวน 16 ตอน โดยแต่ละตอนจะนำเสนอโจทย์ชีวิตที่พบได้บ่อยสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โดยเน้นการเสนอแนวคิดและสถานการณ์ที่จะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้และเติบโตในทางที่ดีขึ้นในชีวิตประจำวันของพวกเขา ทั้งนี้ละครแต่ละตอนมีความยาวประมาณ 20 นาที และมาพร้อมกับคู่มือการใช้งานสำหรับครูหรือวิทยากร เพื่อช่วยให้การสอนและการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการพัฒนาทักษะทางสังคมและจิตวิทยาให้กับนักเรียนในช่วงวัยรุ่นที่สำคัญของชีวิตในการเติบโตและพัฒนาตนเองในสังคมและชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขและเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาที่ครอบคลุมและสมบูรณ์ นอกจากนี้ ละครยังเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ในการสร้างสรรค์สมาธิและความรับผิดชอบในการตัดสินใจของนักเรียนในสถานการณ์ที่ซับซ้อนโดยไม่ต้องสร้างความเสียหายในความเชื่อมั่นและอารมณ์ของนักเรียน โดยทั้งนี้ การใช้ละครสั้นในการเรียนรู้ยังเป็นการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายและน่าจดจำสำหรับนักเรียนในองค์กรการศึกษาทั้งในช่วงเวลาเรียนและนอกเวลาเรียนด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งและการพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตที่ดีในอนาคต
(ดาวน์โหลดฟรีที่ www.jitdee.com)
ตัวอย่างงานศึกษาที่เกี่ยวข้อง
-รายงานการประเมินผลการใช้สื่อการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะชีวิตของนักเรียน เป็นงานศึกษาที่มีความสำคัญ เนื่องจากมันช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจถึงผลลัพธ์และประสิทธิภาพของการใช้สื่อการเรียนรู้ในการพัฒนาทักษะชีวิตของนักเรียนได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถปรับปรุงและพัฒนาวิธีการสอนและสื่อการเรียนรู้ในอนาคตได้ด้วย การรายงานนี้สามารถมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบของสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ ต่อการพัฒนาทักษะชีวิตของนักเรียน เช่น การทำงานร่วมกัน การเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน การแก้ปัญหา และการสร้างสรรค์ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถตัดสินใจและปรับปรุงการวางแผนการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการส่งเสริมพัฒนาทักษะชีวิตของนักเรียนอย่างเหมาะสม
ที่มา : โสภณ จุโลทก. (2559).
3.2.2 คู่มือครูแนะแนวภาคปฏิบัติ ครูแนะแนวภาคปฏิบัติ: ประสบการณ์จริงที่มากกว่าทฤษฎี
ครูแนะแนวภาคปฏิบัติเป็นที่สำคัญเนื่องจากเส้นทางการทำงานนั้นมักมีความซับซ้อนและหลากหลายตามสถานการณ์จริงในชั้นเรียน หนังสือคู่มือสกัดประสบการณ์นี้มอบความรู้และประสบการณ์จริงๆ ที่มากกว่าทฤษฎี เพื่อเตรียมครูแนะแนวให้พร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์และปัญหาที่จะเกิดขึ้นในการทำงานประจำวันในห้องเรียน หนังสือนี้ช่วยให้ครูได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของครูอื่น ๆ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการแนะแนว
นอกจากนี้ หนังสือยังมีส่วนของวีดิทัศน์ตัวอย่างเพื่อแสดงถึงวิธีการทำงานและกิจกรรมที่เหมาะสำหรับการแนะแนวในห้องเรียน และการช่วยเหลือนักเรียนในการเลือกอาชีพอิสระ ทั้งนี้เหมาะสำหรับครูแนะแนวทั้งที่มีประสบการณ์และไม่มีประสบการณ์ เพื่อให้พร้อมที่จะตอบสนองต่อความต้องการและปัญหาของนักเรียนในช่วงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในการศึกษาและอาชีพในปัจจุบัน และช่วยเสริมความเชื่อมั่นและความสามารถในการทำงานของครูแนะแนวและผู้บริหารโรงเรียนด้วย (ดาวน์โหลดฟรีที่ www.jitdee.com)
3.2.3 สื่อการเรียนรู้วีดิทัศน์ พร้อมคู่มือเทคนิคการคุยกับลูกวัยรุ่น
เทคนิคการคุยกับลูกวัยรุ่นเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้พ่อแม่และครูสามารถเข้าใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียนในช่วงวัยรุ่นได้ เนื้อหาที่เสนอในรูปแบบละครสั้นจำนวน 5 ตอนนี้ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในเรื่องการสื่อสารและการคุยกับวัยรุ่น โดยมีคู่มือการใช้งานเพื่อช่วยให้พ่อแม่และครูสามารถนำเนื้อหามาใช้ได้อย่างเหมาะสม และทันสมัย เพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดีและเติบโตไปพร้อมกับนักเรียนในช่วงวัยที่สำคัญของชีวิตของพวกเขาด้วย
ในเนื้อหาจะเน้นไปที่เทคนิค การคุยและสื่อสารที่เหมาะสมกับวัยรุ่น ซึ่งสำคัญที่จะเน้นไปที่การให้เครื่องมือและแนวทางในการตอบสนองต่อความต้องการและปัญหาของวัยรุ่นอย่างเหมาะสม โดยในแต่ละตอนจะสร้าง
เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับปัญหาและสถานการณ์ที่พบเห็นในชีวิตประจำวันของวัยรุ่น และนำเสนอวิธีการคุยและแก้ไขปัญหาในแต่ละสถานการณ์อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ คู่มือการใช้งานยังจะเสนอเครื่องมือและเทคนิคการสื่อสารที่เหมาะสมกับวัยรุ่นในแต่ละสถานการณ์ รวมถึงเครื่องมือและแนวทางในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของวัยรุ่น ทั้งนี้เพื่อช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเติบโตไปพร้อมกับวัยรุ่นในช่วงวัยที่สำคัญของชีวิตของพวกเขา
(ดาวน์โหลดฟรีที่ www.jitdee.com)
ตัวอย่างงานศึกษาที่เกี่ยวข้อง
-การประเมินสื่อเพื่อความเข้มแข็งทางใจของวัยรุ่น:กรณีศึกษาโรงเรียนในกรุงเทพมหานครและนครสวรรค์ นครปฐม
การประเมินสื่อเพื่อความเข้มแข็งทางใจของวัยรุ่นเป็นกระบวนการที่สำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาการทางอารมณ์และจิตใจของวัยรุ่น เพื่อให้พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายและปัญหาในชีวิตประจำวันอย่างมั่นคง ศึกษากรณีศึกษาโรงเรียนในกรุงเทพมหานครและนครสวรรค์ นครปฐมเป็นการวิเคราะห์และประเมินสื่อที่ใช้ในการสร้างความเข้มแข็งทางใจของวัยรุ่นในสถานศึกษา
การศึกษานี้เน้นการสำรวจและวิเคราะห์สื่อที่ใช้ในโรงเรียน เช่น สื่อการเรียนการสอน สื่อการสอนวิชาอื่น ๆ สื่อสื่อสารในโรงเรียน และสื่อที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาทักษะทางอารมณ์และจิตใจของนักเรียน เพื่อทำความเข้าใจถึงวิธีการใช้สื่อเหล่านี้ในการส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และจิตใจของนักเรียน
ผลการวิจัยนี้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงสื่อการเรียนการสอนในโรงเรียนเพื่อให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อการส่งเสริมพัฒนาทักษะทางอารมณ์และจิตใจของนักเรียนในชุมชนแต่ละแห่ง โดยเน้นการใช้สื่อที่เหมาะสมและเข้าใจต่อความต้องการและสภาพจิตใจของนักเรียนในแต่ละระดับวัย
ที่มา :อุมาภรณ์ภัทรวาณิชย์และเรวดีสุวรรณนพเก้า. 2556. สถาบันวิจัยประชากรและสังคมมหาวิทยาลัยมหิดล
3.2.4 สื่อการเรียนรู้วีดิทัศน์ พร้อมคู่มือ (กล้า)คุยกับลูกเรื่องเพศ
การคุยกับลูกวัยรุ่นเกี่ยวกับเรื่องเพศเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ปกครองควรรับผิดชอบในการส่งเสริมการเข้าใจและการพูดคุยที่เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยมีสื่อเรียนรู้เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยในกระบวนการนี้
ละครสั้นที่มาพร้อมคู่มือการใช้งาน ที่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถแปลงความรักและความห่วงใยของตนมาเป็นวิธีการ
คุยกับลูกในเรื่องที่เป็นสิ่งสำคัญ โดยการนำเสนอสถานการณ์ที่พบบ่อยเช่นการคบเพื่อนต่างเพศ การแอบดูคลิปโป๊ และการแต่งกายที่ไม่เหมาะสม ทำให้ผู้ปกครองมีข้อมูลและเครื่องมือในการสนับสนุนและเข้าใจที่เกี่ยวกับปัญหาที่ลูกของพวกเขาอาจพบในวัยรุ่น
การพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพศอาจเป็นเรื่องที่ยากที่จะเริ่มต้น แต่ละครสั้นที่ถูกนำเสนอเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเปิดพูดเรื่องเพศอย่างเป็นมิตรและเปิดเผย โดยการเสนอสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตและการเผชิญหน้ากับความเสี่ยง ผู้ปกครองสามารถสร้างการสนับสนุนและเข้าใจในการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพศกับลูกของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์
ตัวอย่างงานศึกษาที่เกี่ยวข้อง
- การประเมินผลสื่อการเรียนรู้ “(กล้า) คุยกับลูกเรื่องเพศ”
การประเมินผลสื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับการคุยกับลูกในเรื่องเพศพบว่าสื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นให้พ่อแม่มีความตระหนักและเห็นความสำคัญในการพูดคุยกับลูกในเรื่องเพศ อย่างไรก็ตาม สื่อยังไม่สามารถเพิ่มทักษะในการพูดคุยเนื่องจากเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และต้องการความสามารถของวิทยากรกระบวนการที่เข้ามาช่วย
นักวิจัยพบว่า สื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับการพูดคุยในเรื่องเพศเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจและมีความตระหนักในการพูดคุยกับลูกในเรื่องเพศอย่างมีประสิทธิภาพ แต่สื่อนั้นยังไม่สามารถเพิ่มทักษะในการพูดคุยเนื่องจากความซับซ้อนของเรื่อง และต้องการความช่วยเหลือจากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำและช่วยเสริมสร้างทักษะในการพูดคุยในเรื่องเพศให้กับผู้ปกครองอีกด้วย
ที่มา :คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- โครงการประเมินผลกระบวนการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ ทัศนคติและทักษะการสื่อสารเรื่องเพศของผู้ปกครองกับลูกวัยรุ่น
โครงการนี้เน้นการประเมินผลกระบวนการที่เกี่ยวกับกิจกรรมที่ช่วยสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศในผู้ปกครองในการสื่อสารกับลูกวัยรุ่น โดยมุ่งเน้นทัศนคติและทักษะการสื่อสารเรื่องเพศของผู้ปกครองกับลูกวัยรุ่น เพื่อปรับปรุงและเสริมสร้างความเข้มแข็งในด้านนี้ เน้นการพัฒนาทักษะการสื่อสารและการติดต่อสื่อสารเชิงบวกที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพระหว่างผู้ปกครองและลูกวัยรุ่นในเรื่องเพศ โครงการนี้ช่วยให้ผู้ปกครองได้รับการสนับสนุนและการแนะนำที่เหมาะสมในการสื่อสารเรื่องเพศกับลูกวัยรุ่น ซึ่งสามารถสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นในการสนทนาและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศในบ้านได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โดยมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและส่งเสริมพัฒนาการสุขภาพทางจิตและสังคมของลูกวัยรุ่นในสังคมได้อย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์
ที่มา:กัลยกร วรกุลลัฎฐานีย์, นิธิดา แสงสิงแก้ว, ประไพพิศ มุทิตาเจริญ, รุจน์โกมลบุตร และพรรณวดีประยงค์.(2559). สนับสนุนโดยแผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิต สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
- ถอดรหัสรูปแบบการจัดพื้นที่วัยรุ่นและเยาวชนและการจัดพื้นที่การเรียนรู้ของพ่อแม่ เป็นกระบวนการที่มุ่งเน้นในการทำให้สภาพแวดล้อมและพื้นที่ที่เด็กและวัยรุ่นสัมพันธ์อยู่มีผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเขาโดยตรง หากพื้นที่นั้นถูกจัดการอย่างเหมาะสมและมีการสร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาการที่ดี ผลลัพธ์อาจเป็นการพัฒนาทักษะทางสังคม ทักษะการแก้ปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ และการเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต
การจัดพื้นที่วัยรุ่นและเยาวชนมักมีผลต่อพัฒนาการทางสังคมและอารมณ์ของเขาโดยตรง เช่น การมีพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางกีฬาที่ส่งเสริมสุขภาพกาย พื้นที่สำหรับการพักผ่อน หรือพื้นที่สำหรับการสนทนาและการสร้างความสัมพันธ์ การจัดพื้นที่การเรียนรู้ของพ่อแม่อาจแสดงถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้ของลูก โดยการมีหนังสือ ของเล่น หรืออุปกรณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสมและเข้าถึงได้ง่าย การจัดพื้นที่เหล่านี้ให้เหมาะสมและเป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กและวัยรุ่นในครอบครัวและชุมชน
ที่มา :กรมสุขภาพจิต กรมอนามัย กรมควบคุมโรค กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. 2559. (ดาวน์โหลดฟรีที่ www.jitdee.com))
3.2.5 พื้นที่เยาวชน
การพัฒนาพื้นที่เยาวชนเป็นหนึ่งในมาตรการหลักของการดำเนินงานบูรณาการด้านวัยรุ่น ซึ่งกำหนดให้แต่ละพื้นที่มีการดำเนินงานตามหลักการสำคัญเพื่อสร้างพื้นที่ที่เหมาะสมแก่การพัฒนาและการเรียนรู้ของเยาวชน หลักการหลักๆ ของการดำเนินงานคือการขยับไปทำงานเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับเด็กและเยาวชน โดยการทำงานนี้ควรชะลอการเร่งรัดผลลัพธ์ในการทำงานลง และเพิ่มความละเอียดอ่อนต่อการมองชีวิตและปัญหาทางสังคม การทำงานภายใต้แนวคิดนี้ต้องมีการมองและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนอย่างเชื่อมโยงกับปัญหาอื่นในชุมชน และทำงานอย่างมีส่วนร่วมแท้จริงกับเด็กและเยาวชน และควรคำนึงถึงความยั่งยืนโดยไม่ละเลยความแตกต่างในชุมชนที่แตกต่างกัน โดยในแต่ละการทำงานควรมีความตระหนักในความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างผู้ใหญ่กับเยาวชนและระหว่างคนในชุมชนและนอกชุมชน นอกจากนี้ยังควรมีการคำนึงถึงความยั่งยืนของการทำงานด้วยด้วยการทำงานที่ละเอียดอ่อนกับความแตกต่างหลากหลายของเด็กและเยาวชน และการทำงานที่คำนึงถึงความยั่งยืนในระยะยาว การพัฒนาพื้นที่เยาวชนในแนวนี้จึงเป็นส่วนสำคัญที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเยาวชนและชุมชนในที่สุด
3.2.6 โปรแกรมจับใจ และรายงานการศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรม กลุ่มฝึกสติเพื่อการยอมรับและพัฒนาตนเอง (โปรแกรมจับใจ) ต่อปัญหาทางอารมณ์และพฤติกรรมในวัยรุ่น
โปรแกรมฝึกสติเพื่อการยอมรับและพัฒนาตนเองหรือโปรแกรมจับใจ เป็นโปรแกรมที่มุ่งเสริมการป้องกันซึมเศร้าในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น โดยได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพแล้ว แต่เมื่อ
นำไปใช้ในระบบโรงเรียนจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม โดยการศึกษานี้เริ่มต้นด้วยการคัดกรองนักเรียนที่มีปัญหาอารมณ์หรือพฤติกรรมที่เราจะนำโปรแกรมมาใช้ โดยใช้แบบประเมินจุดแข็งและจุดอ่อน (SDQ) เพื่อคัดเลือกนักเรียนที่เหมาะสม และทำการสุ่มเลือกเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม เมื่อนักเรียนได้รับการคัดเลือกแล้ว กลุ่มทดลองจะได้รับการเข้าร่วมกิจกรรมฝึกสติเพื่อการยอมรับและพัฒนาตนเอง ส่วนกลุ่มควบคุมจะเป็นกลุ่มรอนัดที่จะได้ร่วมกิจกรรมหลังจากวัดผล
ในการศึกษานี้ คณะผู้วิจัยมีการตรวจสอบผลการฝึกอบรมในวัยรุ่น โดยใช้การวัดผลก่อนและหลังจากการฝึก และในระยะเวลา 3 เดือนหลังจากการฝึกด้วยแบบประเมินต่างๆ เช่น SDQ และแบบประเมินระดับสติ โดยคณะผู้วิจัยเห็นว่าการนำโปรแกรมนี้ไปใช้ในโรงเรียนมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้นำไปใช้ในระบบโรงเรียนจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม โดยการศึกษานี้เริ่มต้นด้วยการคัดกรองนักเรียนที่มีปัญหาอารมณ์หรือพฤติกรรมที่เราจะนำโปรแกรมมาใช้ โดยใช้แบบประเมินจุดแข็งและจุดอ่อน (SDQ) เพื่อคัดเลือกนักเรียนที่เหมาะสม และทำการสุ่มเลือกเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม เมื่อนักเรียนได้รับการคัดเลือกแล้ว กลุ่มทดลองจะได้รับการเข้าร่วมกิจกรรมฝึกสติเพื่อการยอมรับและพัฒนาตนเอง ส่วนกลุ่มควบคุมจะเป็นกลุ่มรอนัดที่จะได้ร่วมกิจกรรมหลังจากวัดผล
ในการศึกษานี้ คณะผู้วิจัยมีการตรวจสอบผลการฝึกอบรมในวัยรุ่น โดยใช้การวัดผลก่อนและหลังจากการฝึก และในระยะเวลา 3 เดือนหลังจากการฝึกด้วยแบบประเมินต่างๆ เช่น SDQ และแบบประเมินระดับสติ โดยคณะผู้วิจัยเห็นว่าการนำโปรแกรมนี้ไปใช้ในโรงเรียนมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เป็นไปตามความสำเร็จ เช่น การสนับสนุนนโยบายจากผู้บริหาร ทักษะความชำนาญของผู้นำกลุ่ม และความต่อเนื่องในการนำทักษะไปใช้โปรแกรมจับใจมีประสิทธิภาพในการลดปัญหาอารมณ์และปัญหาสัมพันธภาพกับเพื่อนในวัยรุ่นกลุ่มเสี่ยง สามารถขยายผลไปใช้ในระบบปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างผลประโยชน์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันซึมเศร้าและการพัฒนาทักษะการปรับตัวของนักเรียนในระยะยาว
การขยายผลเข้าสู่ระบบมีการดำเนินการในหลายด้าน เช่น การนำโปรแกรมไปใช้ในสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น การนำไปใช้ในสถานประกอบการ และการนำเข้าสู่หลักสูตรฝึกอบรมเพื่อสร้างเสริมสุขภาพจิตให้กับบุคลากรที่เป็นกลุ่มวัยทำงานและสูงอายุ การศึกษานี้ช่วยส่งเสริมการพัฒนาทักษะในการปรับตัวและสร้างพื้นฐานที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรมฝึกสตินี้ในระยะยาว
ดังนั้น โปรแกรมฝึกสติเพื่อการยอมรับและพัฒนาตนเองเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันปัญหาทางจิตใจในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น โดยการนำไปใช้ในระบบโรงเรียนต้องมีการศึกษาและการสนับสนุนจากผู้บริหาร เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การทำงานในกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นช่วยเสริมสร้างความสามารถในการจัดการอารมณ์และสังคมให้กับนักเรียนที่มีความเสี่ยง และสามารถขยายผลไปยังระบบปกติอย่างมีประสิทธิภาพโดยการสนับสนุนนโยบาย ควบคุมคุณภาพการพัฒนาทักษะผู้นํากลุ่ม และสร้างความต่อเนื่องในการใช้ทักษะที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ การศึกษานี้เป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนในการพัฒนาศักยภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของนักเรียนและกลุ่มเป้าหมายในระยะยาว
3.2.7 “กําแพงพักใจ” การเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการให้การปรึกษาแก่กลุ่มวัยรุ่นอายุ 18 - 24 ปีเชื่อมโยงระหว่างบริการดิจิทัลกับบริการในโรงพยาบาล การส่งต่อแบบไร้รอยต่อ เพื่อลดภาวะซึมเศร้าและอัตราการฆ่าตัวตายในวัยรุ่น และเยาวชน
โครงการกำแพงพักใจ (Wall of Sharing) มีวัตถุประสงค์หลักๆ ดังนี้:
เพื่อพัฒนารูปแบบการป้องกันปัญหาสุขภาพจิตเยาวชน: โดยการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการให้การปรึกษาแก่กลุ่มวัยรุ่นอายุ 10-24 ปี เน้นการให้บริการที่เหมาะสมและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับเยาวชนที่มีความต้องการเสียดสีสองทางเพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างบริการดิจิทัลกับบริการในโรงพยาบาล: โดยการส่งต่อแบบไร้รอยต่อจากบริการป้องกันโรคไปยังบริการบำบัดรักษาในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 10-24 ปี เพื่อให้การช่วยเหลือที่เป็นไปได้ทั้งแบบออนไลน์และแบบเป็นโรงพยาบาล
เพื่อลดภาวะซึมเศร้าและอัตราการฆ่าตัวตายในวัยรุ่นและเยาวชน: โดยการให้บริการที่มีการเข้าถึงง่ายและเป็นกันเองสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต ทำให้สามารถรับความช่วยเหลือได้ทันทีและมีผลการช่วยเหลือที่ดี โดยโครงการนี้มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบตั้งแต่การจัดประชุมกลุ่มผู้รับบริการและผู้ให้บริการเพื่อพัฒนารูปแบบการให้คำปรึกษาแก่เยาวชนผ่านแอพพลิเคชั่น ไปจนถึงการประชุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อรับฟังความคิดเห็นและปรับปรุงการให้บริการ การประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการปฏิบัติทดลองจัดบริการให้คำปรึกษาสุขภาพจิตวัยรุ่นและเยาวชน รวมถึงการประเมินผลลัพธ์ของการทดลองใช้รูปแบบ เพื่อนำไปสู่การให้บริการที่แท้จริงและมีประสิทธิภาพในอนาคต
ปัจจุบันโครงการกำแพงพักใจ (Wall of Sharing) เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชน เพื่อให้บริการการปรึกษาสุขภาพจิตแก่กลุ่มอายุ 18 - 24 ปี โดยเน้นการลดปัญหาด้านสุขภาพจิต เฉพาะภาวะซึมเศร้าและการฆ่าตัวตาย
ผลการดำเนินงาน พบว่า เครือข่ายผู้เข้าร่วมบริการยังคงมีจำนวนน้อย จึงต้องมีการร่วมมือจากหน่วยงานรัฐและเอกชนในภาคส่วนอื่นๆ เพื่อให้โครงการดำเนินไปต่อไปและวางระบบการประสานงาน การส่งต่อ และระบบเครือข่ายอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมปัญหาของคนไทยได้มากยิ่งขึ้น การให้บริการด้านสุขภาพจิตผ่านสื่อเทคโนโลยียังขาดมาตรฐานในการรองรับเพื่อประเมินคุณภาพของการให้บริการ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ได้พัฒนามาตรฐานการให้บริการปรึกษาผ่านสื่อเทคโนโลยีเพื่อให้สามารถนำไปสู่การเบิกจ่ายค่าบริการตามสิทธิ์การรักษาพยาบาลของสปสช. โดยสามารถรับรองการให้บริการนี้ในระบบสาธารณสุขแห่งชาติและเข้าได้สู่ระบบการเบิกจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.2.8 ภาพยนตร์สั้นบําบัดเพื่อเพิ่มคุณค่าเชิงบวก ลดภาวะความเครียดและปรับเปลี่ยนวิธีการเผชิญกับปัญหา สําหรับกลุ่มนักศึกษาชั้นปริญญาตรีที่มีปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวด้วยการใช้โปรแกรมออนไลน์ ZOOM
วัตถุประสงค์ของการวิจัยเน้นการเปรียบเทียบระดับความเครียดและคุณค่าเชิงบวก เช่น Hope, Self-
efficacy, Resilience, และ Optimism ของกลุ่มนักศึกษาก่อนและหลังทำกิจกรรมภาพยนตร์บำบัด
ผลการวิจัยพบว่า กิจกรรมภาพยนตร์สั้นบำบัดผ่าน ZOOM ช่วยเพิ่มคุณค่าเชิงบวกเช่น Optimism และ Hope โดยที่ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการลดระดับความเครียดคือ Optimism แต่มีปัญหาเกี่ยวกับการขัดข้องทางเทคโนโลยีและปัญหาในการสื่อสาร
สรุปผลวิจัย พบว่ากิจกรรมภาพยนตร์สั้นบำบัดผ่าน ZOOM ช่วยเพิ่มคุณค่าเชิงบวกเช่น Optimism และ Hope ซึ่งช่วยให้วัยรุ่นเกิดภูมิคุ้มและทนทานต่อความเครียด และมีผลในการลดผลกระทบจากความเครียดและป้องกันไม่ให้เกิดโรคทางจิตเวชได้ง่ายขึ้น
การวิจัยในด้านต่าง ๆ มีประโยชน์ที่สำคัญในมุมมองของสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสื่อสารมวลชนดังนี้:
ด้านสาธารณสุข: การวิจัยในด้านสุขภาพจิตช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและลดภาวะความเครียดที่อาจเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรง โดยโครงการที่เน้นการป้องกันและเสริมสร้างสุขภาพจิตจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางจิตเวช และเสริมสร้างสุขภาพทั้งจิตและร่างกายของประชาชนทั่วไป
ด้านเศรษฐกิจ: การเสริมสร้างสุขภาพจิตให้กับประชาชนจะส่งผลต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางจิตเวชจะลดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค และเสียค่าใช้จ่ายจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคทางจิตเวช เช่น การลดผลกระทบจากการลางาน และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
ด้านสื่อสารมวลชน: การผลิตสื่อจากการวิจัยในด้านสุขภาพจิตเป็นสื่อที่มีประโยชน์และไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของประชาชน และช่วยสร้างจิตสำนึกให้กับผู้ทำสื่อให้สร้างสรรค์สื่อที่สามารถให้กำลังใจและเป็นประโยชน์ต่อบุคคลทั่วไป โดยเป็นการสร้างสื่อที่สามารถเผยแพร่ความรู้และเข้าถึงประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพในด้านสุขภาพจิต
3.2.9 เครื่องมือนักรับฟังเชิงลึกสําหรับชาวดิจิทัลโดยกําเนิดในโลกออนไลน์ (Deep Listener)
การสร้างเครื่องมือพัฒนาความรู้และความเข้าใจเบื้องต้นให้กับกลุ่มวัยรุ่นแบบออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญที่มีผลมากต่อหลายด้าน:
ด้านสาธารณสุข: เครื่องมือนี้ช่วยให้กลุ่มวัยรุ่นมีความเข้าใจและมีความรู้เกี่ยวกับการรับฟังเชิงลึก ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในการเสริมสร้างสุขภาพจิตในระยะยาว การเข้าใจการฟังเชิงลึกช่วยลดความเครียดและเพิ่มความเข้าใจในปัญหาและสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
ด้านเศรษฐกิจ: การมีสุขภาพจิตที่แข็งแรงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางจิตเวชและเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการเรียนรู้ของกลุ่มวัยรุ่นที่มีสุขภาพจิตดี
ด้านสื่อสารมวลชน: เครื่องมือนี้เป็นสื่อที่สร้างจิตสำนึกและเป็นกำลังใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างทักษะในการฟังเชิงลึกและการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมและปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว
การวิจัยในด้านนี้มีผลกระทบต่อการพัฒนาทักษะและความรู้ในกลุ่มวัยรุ่น และช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตในระยะยาวโดยมีเครื่องมือที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและการใช้ชีวิตของวัยรุ่นในโลก
ดิจิทัล ทำให้มีความเข้าใจและมีทักษะในการแก้ปัญหาและจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลลัพธ์: สร้างเครื่องมือตามกรอบความคิดสําเร็จ โดยสามารเข้าถึงได้ออนไลน์ที่
https://moom-mong.com/deep/learn
สามารถลองใช้งานบทเรียนเชิงโต้ตอบได้ด้วยการเข้าลิงค์ด้านบน และใส่ข้อมูลด้านล่าง
Username: moommong Password: moommong
https://moommong.com/deep/report/ สามารถเข้าถึงผลลัพธ์ของบทเรียนเชิงโต้ตอบได้ด้วยการเข้าลิงค์ด้านบน ที่มา:https://moom-mong.com/deep/learn
3.2.10 งานวิจัยผลการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาแบบออนไลน์ต่อความเครียดและระดับคอร์ติซอลในน้ำลายของนิสิตนักศึกษา
สำคัญของงานวิจัยนี้คือ:
การเข้าถึงบริการที่สะดวก: นักศึกษาสามารถเข้าถึงบริการคำปรึกษาทางจิตวิทยาแบบออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งทำให้เพิ่มความสะดวกสบายและความเข้าใจในการใช้บริการเป็นอย่างมาก
การลดความเครียดโดยไม่มีการตีตรา (stigma): การให้บริการแบบออนไลน์ช่วยลดความเครียดโดยที่นักศึกษาไม่ต้องเผชิญกับความกังวลเกี่ยวกับการถูกตีตราหรือมีการตรวจสอบจากผู้อื่น
การให้บริการที่มีคุณภาพ: นักบำบัดให้คำปรึกษาอย่างใส่ใจและให้เทคนิคการผ่อนคลายที่เป็นประโยชน์ เช่น เทคนิคการหายใจ การปรับความคิด และการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ: นักศึกษาพบว่าเนื้อหาในคลิปวิดีโอมีความกระชับ ไม่น่าเบื่อ และสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ทำให้การเรียนรู้และการปฏิบัติตามได้โดยง่าย
ผลลัพธ์ที่เหมาะสม: การวิจัยพบว่าการให้บริการแบบออนไลน์ให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้การให้บริการแบบพบหน้า โดยมีการลดระดับความเครียดและระดับคอร์ติซอลในน้ำลายของนิสิตนักศึกษาได้โดยมีประสิทธิภาพ
เข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น
ความคิดเห็น 0