0

0

ผู้เขียน :Super Admin ID1

อัพเดทเมื่อวันที่ : 2025-06-26 06:42:42

บทนำ

Highlight

ข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข ปี 2565 ระบุว่า หญิงไทยเป็นมะเร็งเต้านมมากที่สุด จำนวน 38,559 ราย หญิงอายุ 60 ปี ขึ้นไปเป็นมะเร็งเต้านมมากที่สุด จำนวน 19,776 ราย รองลงมา อายุ 50 – 59 ปี จำนวน 12,181 ราย และอายุ 40 – 49 ปี จำนวน 5,177 ราย

การตรวจเต้านมด้วยตนเองควรทำในช่วงหลังหมดประจำเดือน 2-3 วัน สามารถดูด้วยตาและคลำด้วยมือ โดยคลำครอบคลุมเนื้อเต้านม ขอบด้านล่างเสื้อชั้นใน บริเวณหัวนม ใต้รักแร้ และไหปลาร้า

ผู้หญิงที่สูบบุหรี่จัด ดื่มสุรา ไม่ออกกำลังกายจะยิ่งมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น คนอายุ 15 – 49 ปี ที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 10 กิโลกรัม จะมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 และผู้ชายก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งเต้านมได้ด้วย

มะเร็งเต้านมเป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดและเป็นปัญหาสุขภาพสำคัญที่ผู้หญิงไทยจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ มะเร็งเต้านมสามารถรักษาได้หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงควรมีการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอย่างเช่นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

มะเร็งเต้านมภัยร้ายใกล้ตัวหญิงไทย

ข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข (Health Data Center) ปี 2565 ระบุว่า หญิงไทยเป็นมะเร็งเต้านมมากที่สุด จำนวน 38,559 ราย หญิงอายุ 60 ปี ขึ้นไป เป็นมะเร็งเต้านมมากที่สุดจำนวน 19,776 ราย รองลงมา คือ อายุ 50 – 59 ปี จำนวน 12,181 ราย และ อายุ 40 – 49 ปี จำนวน 5,177 ราย

มะเร็งเต้านมเกิดจากการแบ่งตัวผิดปกติของเซลล์ท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนมทำให้เกิดเป็นก้อนเนื้องอก โดยหากไม่ได้รับการรักษา มะเร็งจะโตขึ้นและกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ ก่อนที่จะกระจายไปอวัยวะอื่น ๆ จนเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต

มะเร็งเต้านมมักพบในหญิงอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ หรือเคยพบก้อนบริเวณเต้านมที่ผลการตรวจพบว่าผิดปกติ รวมถึงกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้หญิงที่มีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี หมดประจำเดือนหลังอายุ 55 ปี หรือเคยรับการฉายรังสีบริเวณทรวงอกก่อนอายุ 30 ปี ผู้หญิงที่ยังไม่มีบุตร หรือมีบุตรคนแรกหลังอายุ 30 ปี ผู้หญิงที่มีรอบประจำเดือนสั้นหรือยาวกว่าค่าเฉลี่ย 26-29 วัน ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่กินยาฮอร์โมนทดแทน

ผู้หญิงที่สูบบุหรี่จัด ดื่มสุรา ไม่ออกกำลังกายจะยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น คนอายุ 15 – 49 ปี ที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 10 กิโลกรัม จะมีโอกาสเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 และผู้ชายก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งเต้านมได้ 1 ใน 100 ของผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม

 

 

ตรวจเต้านมคัดกรองมะเร็ง ทำได้ด้วยตนเอง

กรมอนามัย, กรมอนามัย เผยหญิงไทยป่วยมะเร็งเต้านมสูงสุด แนะควรตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือน, 14

มีนาคม 2566, https://multimedia.anamai.moph.go.th/news/140366/

ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล, รู้จักมะเร็งเต้านม, 21 มกราคม 2565,

https://www.gj.mahidol.ac.th/main/knowledge-2/breast-cancer/

สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า, แอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านม, 4 กุมภาพันธ์ 2565,

          https://sdnthailand.com/9691.html

PPTV online, “แอลกอฮอล์” ปัจจัยกระตุ้น “มะเร็งเต้านม”ในผู้หญิงขึ้น 15 %, 2 สิงหาคม 2566,

https://www.pptvhd36.com/health/care/3780

สำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ, คลำอก ลดเสี่ยง มะเร็งเต้านม, 8 กรกฎาคม 2565,

https://resourcecenter.thaihealth.or.th/media/mo0G

 

 

อ้างอิง

กรมอนามัย, กรมอนามัย เผยหญิงไทยป่วยมะเร็งเต้านมสูงสุด แนะควรตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือน, 14

มีนาคม 2566, https://multimedia.anamai.moph.go.th/news/140366/

ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล, รู้จักมะเร็งเต้านม, 21 มกราคม 2565,

https://www.gj.mahidol.ac.th/main/knowledge-2/breast-cancer/

สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า, แอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านม, 4 กุมภาพันธ์ 2565,

          https://sdnthailand.com/9691.html

PPTV online, “แอลกอฮอล์” ปัจจัยกระตุ้น “มะเร็งเต้านม”ในผู้หญิงขึ้น 15 %, 2 สิงหาคม 2566,

https://www.pptvhd36.com/health/care/3780

สำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ, คลำอก ลดเสี่ยง มะเร็งเต้านม, 8 กรกฎาคม 2565,

 

งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ

ติดต่อเรา
1748965111.jfif

Super Admin ID2

ติดต่อเรา

ลด ละ เลิกเหล้า ด้วยพลังของชุมชน
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ลด ละ เลิกเหล้า ด้วยพลังของชุมชน

การตรวจสุขภาพตับ ทวงคืนสุขภาพที่ดี
1708931705.jpg

Super Admin ID1

การตรวจสุขภาพตับ ทวงคืนสุขภาพที่ดี

ส่วนที่ 2 กลไก และกระบวนการสร้างเสริมสุขภาวะในประเด็นกิจกรรมทางกายที่เกี่ยวเนื่องกับกรอบแนวคิดหลัก สสส. และสอดคล้องกับปัจจัยกำหนดสุขภาพ
1747913281.JPG

Admin ID3

ส่วนที่ 2 กลไก และกระบวนการสร้างเสริมสุขภาวะในประเด็นกิจกรรมทางกายที่เ...

สอนลูกให้รอดจากการคุกคามทางเพศ
1708931705.jpg

Super Admin ID1

สอนลูกให้รอดจากการคุกคามทางเพศ

งานบทความที่เกี่ยวข้อง

ลด ละ เลิกเหล้า ด้วยพลังของชุมชน

Super Admin ID1

การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังคงเป็นปัญหาท้าทายที่สำคัญของประเทศไทย ท่ามกลางการต่อสู้อันยาวนานนี้ หนึ่งในสัญญาณแห่งความหวังที่จะสนับสนุนให้ประชากรเลิกสุราได้ คือ การมีส่วนร่วมของชุมชน
จากรายงานภาระโรคและการบาดเจ็บของประชากรไทย ปี 2557 พบว่า การเสพติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุลำดับที่ 5 ของการสูญเสียปีสุขภาวะ (DALYs) ในเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 4.5 และเป็นสาเหตุลำดับที่ 1 ของการสูญเสียปีสุขภาวะจากภาวะบกพร่องทางสุขภาพ (YLDs) ในเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 13.1 และเป็นสาเหตุลำดับที่ 12 ในเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 1.7 


ในการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากร ปี 2560 พบว่า ประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 55.9 ล้านคน ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 10.7 ล้านคน กลุ่มอายุ 25-44 ปี มีอัตราการดื่มสุราสูงสุด ร้อยละ 36.0
ผลการสำรวจระบาดวิทยาสุขภาพจิตของคนไทยระดับชาติ ปี 2556 พบว่า คนไทยอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีความผิดปกติของพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2.7 ล้านคน แต่เข้ารับบริการสุขภาพเพียงร้อยละ 1.6 และในปี 2563 จากรายงานกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้มีปัญหาจากการดื่มสุราเข้ารับการบำบัดในสถานบริการสุขภาพเพียงร้อยละ 9.47

ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้มีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้มีการบำบัดฟื้นฟูและเลิกดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง โดยดึงชุมชนเข้ามามีบทบาทสำคัญ
สมาคมฮักชุมชน โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ  (สสส.) ได้จัดทำโครงการเพื่อส่งเสริมการลด ละ เลิก การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เน้นการทำงานผ่านชุมชนและวัด ซึ่งใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมาย โดยถือเอาช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน เป็นจุดเริ่มต้น
เป้าหมายเพื่อให้เป็นกลไกขับเคลื่อนโดยที่คนในชุมชนซึ่งเข้าใจปัญหาได้เข้ามามีส่วนร่วม ด้วยการให้ความรู้ ทักษะ เครื่องมือในการดูแลผู้มีปัญหาสุรา และสามารถติดตามผลได้ นอกจากช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มแล้ว ยังเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับครอบครัวและชุมชน ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย











โครงการมี 2 รูปแบบคือ “รูปแบบธรรมนำทาง” เป็นกิจกรรมในวัดที่มีพระสงฆ์ช่วยสร้างสติเสริมปัญญา ควบคู่ไปกับการให้ความรู้จากบุคลากรสุขภาพ พร้อมมีชุมชนและครอบครัวร่วมสนับสนุน
ส่วน “รูปแบบกลุ่มฮักครอบครัว” เป็นการทำกิจกรรมกลุ่ม โดยผู้มีปัญหาสุราและสมาชิกในครอบครัวต้องเข้าร่วมทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมีการติดตามผล
ทั้ง 2 รูปแบบใช้เวลา 12 เดือน ระหว่างนั้นจะมีการติดตาม การฝึกพัฒนาทักษะให้อาชีพสร้างรายได้ เพื่อให้เลิกสุราได้อย่างยั่งยืน
หนึ่งในพื้นที่ต้นแบบซึ่งประสบความสำเร็จจากการดูแลผู้มีปัญหาสุราโดยชุมชนคือ เทศบาลตำบลสบเตี๊ยะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพื้นที่นำร่องใน 8 หมู่บ้านของตำบลสบเตี๊ยะซึ่งเป็นรูปแบบกลุ่มฮักครอบครัว หลังจากดำเนินการมา 2 ปี ได้มีการอบรมพัฒนาทักษะคนในพื้นที่ 124 คน ให้มีความรู้ด้านบริหารจัดการและการจัดกิจกรรมกลุ่มฮักครอบครัว และบำบัดการเลิกเหล้า



ในจำนวนนี้ผู้มีปัญหาจากการดื่มสุราที่มีแนวโน้มดื่มจนทำให้เกิดปัญหากับตนเอง ครอบครัว และชุมชน เข้าร่วมจำนวน 55 คน สามารถปรับพฤติกรรมจนเลิกดื่มสำเร็จ 12 คน (ร้อยละ 22) ลดการดื่มลง 38 คน (ร้อยละ 69) ดื่มในระดับเดิม 4 คน (ร้อยละ 7) และเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว 1 คน
ผู้มีปัญหาสุราส่วนใหญ่ที่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยลดการดื่มสุราลงได้ จะมีสุขภาพดีขึ้น ได้รับโอกาสการจ้างงาน มีความเข้าใจกันในครอบครัวมากขึ้น และเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชนมากขึ้น
จากผลสำเร็จของการดำเนินโครงการ ทำให้เทศบาลตำบลสบเตี๊ยะมีศักยภาพพร้อมเป็นพื้นที่ต้นแบบชุมชนสุขภาวะและจะมุ่งขยายให้เกิดพื้นที่ต้นแบบในทุกภูมิภาคต่อไป