บทนำ
ประเทศไทยเข้าสู่ “ฤดูฝุ่น” อย่างเป็นทางการพร้อมกับการมาถึงของฤดูหนาว และ PM2.5 จะอยู่ยาวเรื่อยไปจนถึงฤดูร้อน
ช่วงหลายปีหลังประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤติฝุ่นอย่างมาก และข่าวร้ายคือ ในปี 2567 นี้ คาดการณ์ว่า ฝุ่น PM2.5 จะมีแนวโน้มรุนแรงมากกว่าเดิม ผลสืบเนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ประชาชนซึ่งอยู่ในพื้นที่วิกฤตมีความจำเป็นต้องตื่นตัวและดูแลป้องกันสุขภาพตนเอง
ยิ่งเล็กยิ่งร้าย ยิ่งนานยิ่งอันตราย
PM2.5 เป็นฝุ่นละอองที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 ไมครอนหรือเล็กกว่านั้น สามารถแพร่เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ มะเร็งปอด ฯลฯ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ในปี 2566 ประชากรไทยจำนวน 1,730,976 คน ป่วยด้วยโรคเกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ โดยกลุ่มโรคที่พบสูงสุด ได้แก่ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรค ผิวหนังอักเสบ และกลุ่มโรคตาอักเสบ
ผลการศึกษาระบุว่า การได้รับมลพิษทางอากาศต่อเนื่อง 3 ปี จะเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปอดได้ โดยผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ เมื่อสูด PM2.5 เข้าสู่ร่างกาย จะมีความเสี่ยงโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า นอกจากนี้พบว่า กลุ่มเสี่ยงที่รับผลกระทบจากมลพิษอากาศยังรวมถึง เด็ก หญิง ตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว อีกด้วย
ระหว่างปี 2560-2563 พบว่า ผู้สูงอายุชาวไทยเจ็บป่วยด้วย 4 โรคหลัก คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือด สมอง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคมะเร็งปอด มากกว่าวัยอื่น เกิดจากการได้รับและสัมผัสมลพิษทางอากาศมาเป็นเวลานาน
และหากความเข้มข้นของมลพิษทางอากาศยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เด็กในปัจจุบันจะต้องเผชิญกับโรคเหล่านั้นสูงยิ่งกว่าผู้สูงอายุในปัจจุบัน
ปี 2567 ร้อน-แล้ง-ฝุ่นพุ่ง ผลกระทบจากเอลนีโญ
ฤดูฝุ่นในประเทศไทยมีผลมาจากความกดอากาศสูง อัตราการระบายฝุ่นต่ำ ลมสงบ ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่น ด้วยอิทธิพลจากการเผาป่า การเผาในพื้นที่การเกษตร หมอกควันข้ามแดน การใช้เชื้อเพลิง ฯลฯ ส่งผลให้ปริมาณฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้น และในปี 2567 นี้ คาดว่าปรากฏการณ์เอลนีโญจะก่อให้เกิดความแห้งแล้งรุนแรง อันอาจกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ
เอลนีโญเป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิผิวน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกเพิ่มสูงขึ้น มีผลกระทบต่อระบบอากาศในหลายภูมิภาคของโลก ส่งผลให้ฝนตกลดลงและความแห้งแล้งเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ สามารถเกิดซ้ำได้ในช่วงเวลาไม่สม่ำเสมอ เกิดแต่ละครั้งนาน 12-18 เดือน ส่งผลกระทบในหลายประเทศทั่วโลก
เอลนีโญมีผลทำให้ปริมาณฝนของประเทศไทยมีแนวโน้มว่าจะต่ำกว่าปกติ โดยเฉพาะฤดูร้อน และต้นฤดูฝน ในขณะที่อุณหภูมิของอากาศจะสูงกว่าปกติ เฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เอลนีโญมีขนาดรุนแรง ผลกระทบดังกล่าวจะชัดเจนมากขึ้น
การประเมินสถานการณ์ เอลนีโญจะมีกำลังแรงตั้งแต่ปลายฤดูฝนของปี 2566 ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงฤดูร้อนของปี 2567 มีผลทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยมีแนวโน้มจะสูงกว่าค่าปกติ อากาศจะร้อนขึ้นและจะร้อนที่สุดในเดือนเมษายน ทั้งยังแล้งมากขึ้น ปริมาณน้ำฝนรวมของประเทศมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าค่าปกติร้อยละ 10 ส่งผลให้สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในปีนี้จะมีความรุนแรงขึ้น
เพราะเอลนีโญทำให้การไหลของลมและระบบอากาศมีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งฝนที่ตกน้อยลงหรือหยุดตกเป็นเวลานาน ส่งผลให้มลพิษและฝุ่น PM2.5 จากการเผาไหม้หรือการปล่อยมลพิษจากกิจกรรมมนุษย์อื่น ๆ สะสมและคงอยู่ในบรรยากาศมากขึ้น
ประเทศไทยต้องรับมือและหาทางออกในการลดความเสียหายที่อาจจะเกิดกับทั้งการเกษตร การอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ฯลฯ
ร่วมมือจัดการฝุ่นเพื่ออากาศสะอาด
ด้วยเห็นถึงความสำคัญและเร่งด่วนของปัญหาฝุ่น PM2.5 ประเทศไทยได้กำหนดวาระแห่งชาติฯ โดยมีเป้าหมาย “สร้างอากาศดี เพื่อคนไทย และผู้มาเยือน” ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
จากการประชุมระดับชาติเรื่อง มลพิษทางอากาศ PM2.5 ครั้งที่ 1 (Thailand National PM2.5 Forum) ปี 2566 ในหัวข้อ “อากาศสะอาด : ความรับผิดชอบร่วมของรัฐ เอกชน และประชาสังคม” ที่ประชุมได้ร่วมกันจัดทำข้อเสนอแนะเชิงมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 จำนวน 11 ข้อ คือ
1.นำหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย PPP (Polluter Pays Principle) มากำหนดความรับผิดชอบต่อผู้ก่อปัญหาและการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหาย 2. คุ้มครอง ส่งเสริมชุมชนจัดการทรัพยากร และกำหนดมาตรการที่ชุมชนมีสิทธิในการจัดการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรัฐในการจัดการ บำรุง รักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ 3. ส่งเสริมนวัตกรรมการวิจัยและพัฒนา R&D เทคโนโลยีด้านการเตือนภัย 4. จัดทำฐานข้อมูลโดยการมส่วนร่วมให้เป็นปัจจุบัน จำแนกให้เป็นไปตามประเภทของปัญหา การเปิดเผย และเข้าถึงฐานข้อมูลอย่างทั่วถึง 5. ปรับเปลี่ยนการเกษตรที่ก่อมลพิษสู่การเกษตรที่ยั่งยืน
6. สร้างข้อตกลง กลไกกำกับร่วมในระดับอาเซียน 7. สร้างระบบธรรมาภิบาลกำกับการลงทุนของเอกชนข้ามพรมแดน 8. สร้างพื้นที่ปลอดฝุ่นในพื้นที่สาธารณะ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล 9. ติดตาม ตรวจสอบที่มา ความร้ายแรงและผลกระทบที่เกิดจากการปล่อยฝุ่นของภาคอุตสาหกรรม 10. เน้นการจัดการเชิงพื้นที่อย่างบูรณาการด้วยหลักสหวิทยาการ (Transdisciplinary) 11. เร่งรัดออกกฎหมายอากาศสะอาด กฎหมายการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (Pollutant Release and Transfer Register: PRTR) และสิทธิจัดการทรัพยากรของชุมชน
ข้อเสนอเหล่านี้ได้ส่งมอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่ผ่านมา ทส. ได้ร่วมผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เพื่อให้เป็นกฎหมายที่ใช้บริหารจัดการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ และในปี 2567 จะยกระดับมาตรการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐมากขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายลดการเผาไหม้ในพื้นที่เกษตรลงร้อยละ 50 ใน 10 ป่าอนุรักษ์ และ 10 ป่าสงวน
กินสู้ PM2.5
ในช่วงฤดูฝุ่น ประชาชนจำเป็นต้องตื่นตัว เฝ้าระวังสุขภาพ ติดตามสถานการณ์ และวางแผนการดำรงชีวิต
การใส่ใจกับอาหารสามารถช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันและเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง โดยสารอาหารที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงสู้ฝุ่นได้ อย่างเช่น
เบต้าแคโรทีน: พบในผักผลไม้สีต่าง ๆ เช่น มะม่วง มะละกอ แครอท มะเขือเทศ ฯลฯ มีประสิทธิภาพช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของปอดดีขึ้น เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันร่างกายจากโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากมลพิษทางอากาศ
กรดไขมันโอเมก้า 3: พบมากในปลา ถั่ว เมล็ดพืช ฯลฯ มีคุณสมบัติต้านการอักเสบในร่างกายที่เกิดจากการสัมผัสกับมลพิษทางอากาศ ทำให้สุขภาพหัวใจ หลอดเลือด และปอดดีขึ้น
ซัลโฟราเฟน: พบได้ในผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี ฯลฯ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติในการล้างพิษ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่เกิดจากการสัมผัสกับมลพิษทางอากาศ
วิตามินเอ: อยู่ในอาหารจำพวก ตับ ไข่ นม ผักและผลไม้สีส้ม เช่น แครอท มันเทศ ฯลฯ ส่วนช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของปอดดีขึ้น ช่วยส่งเสริมระบบทางเดินหายใจและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
วิตามินซี: พบมากในผักผลไม้ เช่น ฝรั่ง ส้ม สตรอเบอร์รี่ พริก ผักคะน้า ฯลฯ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดปัญหาจากภูมิแพ้ต่อระบบต่าง ๆ
ใส่แมสก์แล้ว ล้างจมูกด้วย!
เมื่อสถานการณ์ฝุ่นละอองมีค่าเกินมาตรฐาน สิ่งที่ประชาชนต้องทำคือ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น สวมแมสก์ และอีกหนึ่งในวิธีที่เรียบง่าย แต่ได้มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยลดการนำ PM2.5 เข้าสู่ร่างกาย คือ การล้างจมูก
การล้างช่องจมูก นอกจากทำให้ช่องจมูกสะอาดแล้ว ยังเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง ทำให้ฝุ่นเกาะติดเยื่อบุจมูกยากขึ้น ช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพจากการรับสัมผัสฝุ่นละอองได้เบื้องต้น และยังช่วยลดจำนวนเชื้อโรค มลพิษ ฝุ่นละออง สารก่อภูมิแพ้ สิ่งระคายเคือง และสารที่เกิดปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ในโพรงจมูกรวมไปถึงไซนัส ช่วยป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคจากจมูกและไซนัสขึ้นไปหูชั้นกลางหรือลงไปสู่ปอดได้ด้วย
ในการล้างจมูกให้ใช้น้ำเกลือความเข้มข้น 0.9 เปอร์เซ็นต์ ไม่ควรฉีดเข้าจมูกแรงเพราะอาจทำให้โพรงจมูกระคายเคืองหรืออักเสบได้
ปลูกต้นไม้ลดฝุ่น PM2.5
นอกจากดูแลสุขภาพตัวเองแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่ทุกคนลงมือทำได้เพื่อในการต่อสู้กับมลพิษทางอากาศคือ การปลูกต้นไม้ ซึ่งมีประโยชน์มากมาย เช่น
-ต้นไม้สามารถดูดซับกลิ่น มลพิษ และ ฝุ่นละออง ผ่านทางใบ เปลือก และ ลำต้น จึงมีคุณสมบัติดักจับฝุ่นละอองในอากาศได้
-อากาศที่ผ่านเรือนยอดต้นไม้ จะมีปริมาณฝุ่น PM2.5 ลดลงร้อยละ 10-50 และทำให้อุณหภูมิลดลง 0.4 – 3 องศาเซลเซียส
-ฝุ่น PM2.5 จะเกาะแน่นกับผิวของใบไม้ที่เป็นชั้นเยื่อบุภายนอก รวมถึงเปลือกที่กิ่งก้านและลำต้น โดยฝุ่นที่เกาะค้างอยู่จะถูกน้ำฝนชะล้างและไหลลงสู่พื้น ลดการกระจายของฝุ่น
-การสังเคราะห์แสงของพืช จะช่วยดูดฝุ่น PM2.5 และ ก๊าซพิษต่างๆ แล้วเปลี่ยนเป็นก๊าซออกซิเจนและไอน้ำออกมาแทน เปรียบเสมือนเครื่องกรองอากาศที่มีชีวิต
ต้นไม้ที่เหมาะแก่การดักจับฝุ่นละอองเป็นพิเศษจะต้องเป็นต้นไม้ที่โตเร็ว ผิวใบไม่เรียบ มีขนหรือไขปกคลุม ส่วนเรื่องของความหนาแน่นของพุ่มใบก็มีส่วน เพราะมันเพิ่มพื้นที่ผิวที่จะดักจับฝุ่น
สำหรับต้นไม้ที่เหมาะกับการปลูกในเมือง ไม้พุ่มและไม้ต้น สามารถปลูกเพื่อลดฝุ่นตามท้องถนนได้ เช่น หอมหมื่นลี้ ตะเคียนหนู รามใหญ่ สะเดา ปอกระสา หางนกยูงไทย แปรงล้างขวด โกงกางเขา ไทรย้อยใบแหลม อินทนิลน้ำ เป็นต้น
อิทธิพลของปรากฏการณ์เอลนีโญที่มีต่อ P2.5 อาจอยู่เหนือการควบคุม แต่สิ่งที่ทุกคนทำได้ทันทีคือ การจัดการกับปัจจัยซึ่งเกิดจากฝีมือมนุษย์ รวมถึงการดูแลปกป้องสุขภาพเพื่อให้ปลอดภัยจากฝุ่น
อ้างอิง
- จับตาทิศทางสุขภาพคนไทยปี 2567 ThaiHealth Watch 2024, https://shorturl.asia/HVE9n
- “เอลนีโญ” ทำ PM 2.5 รุนแรงขึ้น นักสิ่งแวดล้อม แนะ เร่งเดินหน้า “กองทุนอากาศสะอาด”, https://shorturl.asia/CVUpc
- เตือนฝุ่น PM 2.5 ถล่มกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เอลนีโญกระตุ้นฝุ่นเล็กกว่าเดิม, https://shorturl.asia/gZ9cY
- เปิดข้อสรุปประชุมป้องกันมลพิษทางอากาศ “PM2.5 Forum” มุ่งเป้าลดเผาพื้นที่เกษตร 50% ใน 10 ป่าอนุรักษ์-ป่าสงวน ภายในปี 2567, https://shorturl.asia/Z4BxE
- กินอยู่อย่างไร...ในวันที่ “ค่าฝุ่น PM 2.5” มีปริมาณสูง, https://shorturl.asia/aerWk
- การล้างจมูก สามารถช่วยลดการนำ PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายได้, https://shorturl.asia/RmuAb
- 10 ต้นไม้ปลูกไว้ ช่วยลดฝุ่น PM 2.5, https://shorturl.asia/i8bGN
0 ถูกใจ 604 การเข้าชม
งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ
งานบทความที่เกี่ยวข้อง
เข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น
ความคิดเห็น 0