บทนำ
สาระสำคัญของส่วนนี้จะกล่าวถึง การประเมินความปลอดภัยทางถนน เหตุปัจจัยที่เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะปัจจัยจากพฤติกรรมของคน และปัจจัยจากยานพาหนะ รวมถึง ผลกระทบจากอุบัติเหตุทางถนน นอกจากนี้ ยังได้รวบรวมแนวทางการจัดทำและพัฒนาคุณภาพข้อมูลสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนงานจัดการความปลอดภัยทางถนน ทั้งในรูปแบบของสื่อรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจ กิจกรรมวิชาการ ตลอดจนองค์ความรู้เชิงประเด็นการจัดการอุบัติเหตุในท้องถิ่นและชุมชนตามกลุ่มเป้าหมาย ครอบคลุมการจัดการเชิงระบบกลไก การจัดการพฤติกรรมเสี่ยง การจัดการเชิง setting และลักษณะการใช้งานในแต่ละกลุ่มประชากรอีกด้วย
3.1 ข้อมูลความรู้ที่บ่งชี้ปัจจัยที่เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน
+ 1) การประเมินความปลอดภัยทางถนนและระดับดาวตามมาตรฐาน iRAP สำหรับโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร
1) การประเมินความปลอดภัยทางถนนและระดับดาวตามมาตรฐาน iRAP สำหรับโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร ทำการศึกษาในโรงเรียน 4 แห่ง พบว่าถนนโดยรอบโรงเรียนยังมีระดับดาวที่ 1-2 ดาว ต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ ทำให้ควรมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มระดับดาวให้ถนนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย โดยเสนอแนวทางการปรับปรุงด้วยการทำทางเท้ามาตรฐาน เกาะรอข้ามบริเวณเกาะกลาง การติดตั้งราวกั้นคนเดินเท้า การติดตั้งสัญญาณไฟจราจร การแจ้งเตือนเขตโรงเรียน การปรับปรุงการจอดรถข้างทาง และการควบคุมความเร็ว เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในเขตโรงเรียน นอกจากนี้ยังมีมาตรการเพิ่มความปลอดภัยให้กับคนเดินเท้า เช่น การจัดการระบบที่แนะนำให้คนเดินเท้าใช้ถนนอย่างปลอดภัย ดังนั้น การปรับปรุงทางเท้าและมาตรการเพิ่มความปลอดภัยทางถนนสำหรับโรงเรียนจึงมีผลทำให้อุบัติเหตุลดลงและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในเขตโรงเรียน
ที่มา :บทความวิชาการเรื่อง “การประเมินความปลอดภัยทางถนนและระดับดาวตามมาตรฐาน iRAP สำหรับโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร” โดย ศ.ดร.เกษม ชูจารุกุล และคณะ ในการประชุมวิชาการวิศวกรรมแห่งชาติครั้งที่ 25 เมื่อวันที่ 15-17 กรกฎาคม 2563 ณ จังหวัดชลบุรี
+ 2) การพัฒนาแนวทางการตรวจสอบความปลอดภัยทางถนนสำหรับรถจักรยานยนต์
2) การพัฒนาแนวทางการตรวจสอบความปลอดภัยทางถนนสำหรับรถจักรยานยนต์ เป็นการศึกษาวิจัยที่เน้นการพัฒนารายการตรวจสอบความปลอดภัยทางถนนที่เหมาะสมกับประเทศไทย เพื่อทราบความเสี่ยงและความรุนแรงของการเกิดอุบัติเหตุในผู้ใช้รถจักรยานยนต์ โดยการศึกษาความครอบคลุมของการประเมินความปลอดภัยทางถนนสำหรับรถจักรยานยนต์ของ iRAP และการตรวจสอบความปลอดภัยทางถนนด้วยระบบ Road Safety Audit (RSA) เพื่อปรับปรุงจุดที่มีการเกิดอุบัติซ้ำ (Black spot) และการประเมิน iRAP Star Rating เพื่อให้คะแนนถนนตามความปลอดภัย ซึ่งมาตรฐานที่ยอมรับในระดับนานาชาติควรอยู่ที่ 3 ดาวขึ้นไป การทดสอบทำในถนนเขตเมืองของจังหวัดพิษณุโลก พบว่า การประเมิน iRAP Star Rating ไม่สามารถระบุจุดเสี่ยงและการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน สำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ เนื่องจากความไวต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง พื้นผิวหรือความต้านทานการลื่นไถลของพื้นผิวถนน ส่งผลให้ลักษณะการเกิดอุบัติเหตุและอันตรายของรถจักรยานยนต์แตกต่างไปจากยานพาหนะอื่น ในทวีคูณการใช้รายการตรวจสอบด้วยระบบ Road Safety Audit สามารถสังเกตเห็นปัญหาและแนวทางแก้ไขได้ชัดเจน ดังนั้น การพัฒนาแนวทางการตรวจสอบความปลอดภัยทางถนนสำหรับรถจักรยานยนต์เป็นสำคัญเนื่องจากสามารถช่วยป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงของผู้ใช้ถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยในการเดินทาง
ที่มา:บทความวิชาการเรื่อง “การพัฒนาแนวทางการตรวจสอบความปลอดภัยทางถนนสำหรับรถจักรยานยนต์” โดยภูทริยา มีอุส่าห์ และคณะ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในการประชุมวิชาการวิศวกรรมแห่งชาติครั้งที่ 25 เมื่อวันที่ 15-17 กรกฎาคม 2563 ณ จังหวัดชลบุรี
+ ปัจจัยจากพฤติกรรมของคน งานศึกษาที่สืบค้นได้
+ โครงการความเข้าใจในสมรรถนะที่เปลี่ยนแปลงจากการดัดแปลงสภาพส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์รถจักรยานยนต์
โครงการความเข้าใจในสมรรถนะที่เปลี่ยนแปลงจากการดัดแปลงสภาพส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์รถจักรยานยนต์ เน้นการเสนอความรู้เกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดัดแปลงแต่งรถจักรยานยนต์ที่เสี่ยงอันตรายและผิดกฎหมาย โดยมุ่งเน้นไปที่ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น การแต่งรถจักรยานยนต์ให้เหมือนรุ่นอื่นๆ ที่อาจทำให้โครงสร้างไม่แข็งแรงและไม่ปลอดภัย การแต่งรถจักรยานยนต์ที่ส่งผลให้เกิดเสียงดังหรือมลพิษจากควันไอเสีย หรือการเปลี่ยนแปลงสีไฟหน้ารถที่ไม่ใช่สีขาวซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของรถในทางตรงข้าม โดยการเสนอความรู้เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้ถนนเข้าใจถึงความสำคัญของการรักษาสมรรถนะและความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ที่ดีโดยไม่ต้องเสี่ยงต่ออุบัติเหตุและความเสี่ยงในการเดินทางสมรรถนะและความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ที่ดีโดยไม่ต้องเสี่ยงต่ออุบัติเหตุและความเสี่ยงในการเดินทางสมรรถนะและความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ที่ดีโดยไม่ต้องเสี่ยงต่ออุบัติเหตุและความเสี่ยงในการเดินทาง
ที่มา :Factsheet ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดัดแปลงสภาพรถ ผลการศึกษาโครงการความเข้าใจในสมรรถนะที่เปลี่ยนแปลงจากการดัดแปลงสภาพส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์รถจักรยานยนต์ โดย ผศ.ดร.ทรงวุฒิ มงคลเลิศมณี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร สนับสนุนโดยสถาบันยุวทัศน์ฯ ,ศวปถ. และ สสส.
+ ปัจจัยจากพฤติกรรมของคน งานศึกษาที่สืบค้นได้
การศึกษาความแตกต่างของวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน (Diversity of Road Traffic Safety Culture)
¬การศึกษาความแตกต่างของวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน (Diversity of Road Traffic Safety Culture) เน้นการสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงในการขับขี่ของผู้ใช้รถในกลุ่มต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยการสำรวจทัศนคติ ความคิดความเชื่อ และระดับการยอมรับได้ของผู้ใช้ถนนต่อพฤติกรรมเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางถนน ผลการสำรวจพบว่า ทุกกลุ่มมีทัศนคติในแง่ลบต่อพฤติกรรมเสี่ยงทุกรูปแบบ และมักไม่ยอมรับหากมีผู้อื่นเข้ามาในพื้นที่กระทำพฤติกรรมเสี่ยง อย่างไรก็ตาม บางกลุ่มกลับมีพฤติกรรมเสี่ยงต่ออุบัติเหตุเอง เช่น การขับขี่ขณะมึนเมา หรือขับรถฝ่ากฎจราจร เฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่อยู่ในเขตอำเภอรอบนอกมีความเชื่อมั่นในการขับขี่ขณะมีสุราอยู่ในร่างกายมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ซึ่งเชื่อว่าสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย แต่กลุ่มนี้มักมีความตระหนักถึงการตรวจจับของตำรวจ ในขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมักมีความตระหนักถึงภัยและผลกระทบของพฤติกรรมเสี่ยงมากกว่านักท่องเที่ยวไทย เนื่องจากการศึกษาความแตกต่างของวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนจะช่วยให้เข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้ใช้ถนนและสามารถวางแผนและพัฒนามาตรการเพื่อลดอุบัติเหตุได้อย่างเหมาะสมในแต่ละกลุ่มได้ดีขึ้น
ที่มา:รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการวิจัยภายใต้แผนงานหน่วยเฝ้าระวังและสะท้อนสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน ปี พ.ศ. 2558-2559 การศึกษาความแตกต่างของวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน (Diversity of Road Traffic Safety Culture) จัดทำโดย ดร.นพดล กรประเสริฐ และคณะผู้วิจัย ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สนับสนุนโดย มูลนิธิไทยโรดส์ และ สสส. (ปี 2560)
การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรบริเวณทางแยก
¬การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรบริเวณทางแยก
เป็นการสำรวจพฤติกรรมขับขี่ของผู้ใช้ถนนในพื้นที่เมืองใหญ่ที่มีทางแยกหลายรูปแบบในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งพบว่า
¬ผู้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรส่วนใหญ่เป็นเพศชาย
¬ผู้ที่อยู่ในช่วงอายุไม่เกิน 20 ปีหรือเป็นวัยรุ่นมีแนวโน้มฝ่าฝืนสัญญาณไฟมากกว่าผู้ที่อยู่ในช่วงอายุที่สูงกว่า
¬ผู้ขับขี่ที่มีวุฒิการศึกษาสูงกว่าระดับประถมศึกษาปีที่ 6 มีแนวโน้มฝ่าฝืนสัญญาณไฟน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่มีวุฒิการศึกษาประถมปีที่ 6 ลงมา
¬ผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยมีแนวโน้มฝ่าฝืนสัญญาณไฟมากกว่าผู้สวมหมวก
¬ผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่มีแนวโน้มฝ่าฝืนสัญญาณไฟมากกว่าผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรส่วนมากไม่ใช้เข็มขัดนิรภัย และผู้ที่ขับรถเก๋งเป็นประจำมีแนวโน้มฝ่าฝืนสัญญาณไฟมากกว่าผู้ที่ขับรถตู้เป็นประจำ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจถึงลักษณะของผู้ที่มีพฤติกรรมการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรและสามารถใช้เพื่อวางแผนและพัฒนามาตรการในการจัดการจราจรได้อย่างเหมาะสม
ที่มา:เอกสารรายงานวิจัยโครงการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรบริเวณทางแยก จัดทำโดย ดร.กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์ และคณะ ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย สนับสนุนโดย มูลนิธิไทยโรดส์ ศวปถ. และ สสส. (ปี 2557)
การศึกษาพฤติกรรมการใช้ความเร็ว จากโครงการวิจัยความสัมพันธ์และคาดการณ์ระหว่างความเร็วและอุบัติเหตุสำหรับทางด่วนและมอเตอร์เวย์ในประเทศไทย
¬การศึกษาพฤติกรรมการใช้ความเร็วจากโครงการวิจัยความสัมพันธ์และคาดการณ์ระหว่างความเร็วและอุบัติเหตุสำหรับทางด่วนและมอเตอร์เวย์ในประเทศไทย ผลการศึกษา มีดังนี้
1.การเปลี่ยนแปลงความเร็วและอุบัติเหตุ: การเปลี่ยนแปลงความเร็วมีผลต่อการเกิดอุบัติเหตุทั้งการบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยความแตกต่างความเร็วที่มากขึ้นจะเพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้นตามไปด้วย
2.แบบจำลองทางสถิติแบบถดถอยเชิงเส้นและความสำคัญของ CMFs: การพัฒนาแบบจำลองทางสถิติช่วยในการคาดการณ์ค่า Crash Modification Factors (CMFs) ซึ่งช่วยในการประเมินผลของการเปลี่ยนแปลงความเร็วต่ออุบัติเหตุ
3.การกำหนดความเร็วสูงสุดและต่ำสุด: การกำหนดความเร็วสูงสุดและต่ำสุดบนทางด่วนและมอเตอร์เวย์ช่วยลดความแตกต่างความเร็วและลดอุบัติเหตุ
4.ผลของการเปลี่ยนแปลงความเร็วบนถนน: การเปลี่ยนแปลงความเร็วบนทางด่วนและมอเตอร์เวย์มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตรา
การเกิดอุบัติเหตุประเภทที่มีเพียงทรัพย์สินเสียหาย
ผลลัพธ์จากการศึกษานี้เสนอแนวทางการบริหารจัดการความเร็วบนถนนประเภททางด่วนและมอเตอร์เวย์อย่างมีเสถียรภาพและมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่เหล่านั้นลงอย่างมีนัยสำคัญ
ที่มา:รายงานการศึกษาฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาความสัมพันธ์และคาดการณ์ระหว่างความเร็วและอุบัติเหตุสำหรับทางด่วนและมอเตอร์เวย์ในประเทศไทย Speed-Crash Relationship and Prediction for Expressways and Motorways in Thailand จัดทำโดย ดร.วศิน เกียรติโกมล และนางสาว อรุณโรจน์ พูลสุวรรณ คณะวิจัยภาควิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สนับสนุนโดยมูลนิธิไทยโรดส์ (ตค. 2557)
การศึกษาพฤติกรรมการขับขี่จักรยานยนต์ จากโครงการศึกษาข้อมูลการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์
¬การศึกษาพฤติกรรมการขับขี่จักรยานยนต์ จากโครงการศึกษาข้อมูลการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ การศึกษานี้เน้นการวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่จักรยานยนต์และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ในห้องฉุกเฉินของ
โรงพยาบาล 12 แห่งใน 4 ภูมิภาคของประเทศไทย เสนอข้อสรุปสำคัญดังนี้:
1.ลักษณะของผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุ: เห็นว่าผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุมีเพศชายมากกว่าเพศหญิง และส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 19-30 ปี โดยผู้ขับขี่ที่เบาดีลองเกิดอุบัติเหตุมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับผู้ขับขี่ทั่วไป
2.พฤติกรรมเสี่ยงขณะขับขี่: พบว่าพฤติกรรมเสี่ยงระหว่างการขับขี่รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่สวมหมวกนิรภัยมีสัดส่วนสูง โดยพฤติกรรมการขับขี่เร็วกว่าที่กฎหมายกำหนดเป็นส่วนมาก
3.ความรุนแรงของอุบัติเหตุ: ผู้ขับขี่ที่เสียชีวิตมักมีลักษณะเด่นคือเป็นเพศชาย อายุ 19-30 ปี มีประสบการณ์การขับขี่มากกว่า 10 ปี และมีพฤติกรรมเสี่ยงเช่นดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถเร็ว และไม่มีใบขับขี่
ข้อเสนอแนะ: โครงการจึงแนะนำให้มีมาตรการควบคุมการขับขี่ของกลุ่มผู้อายุน้อย การ
ฝึกอบรมในการขับขี่ตั้งแต่วัยเยาว์ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่นการสวมหมวกนิรภัย และการกำหนดอายุที่สามารถขับขี่ได้ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุในกลุ่มนี้ลงอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา:รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาข้อมูลการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ จัดทำโดย ศิริกุล กุลเลียบ และคณะ สนับสนุนโดย ศวปถ. มสช. และ สสส. (กย.2553)
มูลนิธิไทยโรดส์และเครือข่ายเฝ้าระวังสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนนภายใต้การสนับสนุนของ สสส. เริ่มพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อติดตามพฤติกรรมเสี่ยงและอัตราการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ตั้งแต่ปี 2553 เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นพื้นฐานทั้งระดับประเทศและระดับจังหวัด เพื่อใช้ในการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยให้มีประสิทธิภาพทั้งในระดับประเทศและระดับจังหวัด โดยเป้าหมายของโครงการคือเพื่อเพิ่มข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเป็นรายละเอียดในการวางแผนการจัดการทางถนนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ถนนได้เป็นอย่างดี
ที่มา:รายงานอัตราการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ปี 2553 (พิมพ์ปี 2555) , ปี 2554 (พิมพ์เมื่อ มิย.2555) , ปี 2555 (พิมพ์เมื่อ ตค.2556) , ปี 2556 (พิมพ์เมื่อ กค.2557) , ปี 2557 (พิมพ์เมื่อ กย.2558) , ปี 2558 (พิมพ์เมื่อ กย.2559) , ปี 2559 (พิมพ์เมื่อ กย.2560) , ปี 2560 (พิมพ์เมื่อ ตค.
การศึกษาพฤติกรรมการใช้รถยนต์และรถกระบะ
¬การศึกษาพฤติกรรมการใช้รถยนต์และรถกระบะในประเทศไทย ได้สรุปถึงความสำคัญของการใช้เข็มขัดนิรภัยในการลดความรุนแรงในอุบัติเหตุทางถนน โดยมีผลลัพธ์ที่ชัดเจนว่าการใช้เข็มขัดนิรภัยสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ถึงร้อยละ 34 โดยผู้ที่ไม่ใช้เข็มขัดนิรภัยมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากกว่าผู้ที่ใช้เข็มขัดนิรภัยถึง 1.52 เท่า นอกจากนี้ มูลนิธิไทยโรดส์และเครือข่ายเฝ้าระวังสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน ภายใต้การสนับสนุนของ ศวปถ. มสช.และ สสส. ได้ทำการสำรวจอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้ใช้รถยนต์ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2553 และ 2554 การสำรวจพบว่า มีการคาดเข็มขัดนิรภัยในกลุ่มผู้ขับขี่ประมาณร้อยละ 60 ในขณะที่ผู้โดยสารคาดเข็มขัดเพียงร้อยละ 40 ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่ายังมีความต้องการในการเพิ่มการใช้เข็มขัดนิรภัยในประชากรขับขี่อย่างมาก เพื่อลดการเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ทางถนนในประเทศไทย นอกจากนี้ ประเทศไทยยังต้องพัฒนาการบังคับใช้กฎหมายเข็มขัดนิรภัยอย่างเข้มงวดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดอุบัติเหตุทางถนนในอนาคต
ที่มา :( 1) อัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้ใช้รถยนต์ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2553 (มิถุนายน 2554) (2) อัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้ใช้รถยนต์ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 255ภ (ตุลาคม 2556) จัดทำโดย มูลนิธิไทยโรดส์และเครือข่ายเฝ้าระวังสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน
การศึกษาพฤติกรรมการขับขี่ของวัยคะนอง
¬การศึกษาพฤติกรรมการขับขี่ของวัยคะนอง (อายุ 15-24 ปี) ในประเทศไทยมีความสำคัญ เนื่องจากกลุ่มนี้มีการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมากที่สุดถึงร้อยละ 38 โดยพฤติกรรมเสี่ยงที่สำคัญคือ การไม่สวมหมวกนิรภัยและการดื่มแอลกอฮอล์ ผลการวิเคราะห์พบว่าการขับขี่โดยไม่สวมหมวกนิรภัยเป็นพฤติกรรมที่พบมากที่สุด และรองลงมาคือ การไม่สวมหมวกนิรภัยและการดื่มแอลกอฮอล์
ในเพศชายช่วงอายุ 20-24 ปี การสวมหมวกนิรภัยช่วยลดระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บและลดโอกาสเสียชีวิต ถ้าผู้ขับขี่ไม่สวมหมวกนิรภัย อัตราการเสียชีวิตจะสูงขึ้นถึงร้อยละ 51 และหมวกนิรภัยยังช่วยลดการบาดเจ็บที่ศีรษะและคอได้ถึงร้อยละ 53 และลดการเสียชีวิตจากการบาดเจ็บที่ศีรษะและคอร้อยละ 71 ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญในการพัฒนานโยบายและมาตรการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในกลุ่มวัยคะนองในประเทศไทย
ที่มา:รายงานฉบับสมบูรณ์ “วัยคะนองกับพฤติกรรมความเสี่ยงในอุบัติเหตุทางถนน” จัดทำโดย รศ.ดร.ชมพูนุท โกสลากร เพิ่มพูนวิวัฒน์ และคณะ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สนับสนุนโดย สสส. (ธค. 2563)
3.2 ข้อมูลความรู้ที่สะท้อนผลกระทบจากอุบัติเหตุทางถนน
ข้อมูลความรู้ที่สะท้อนผลกระทบจากอุบัติเหตุทางถนน เป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อทั้งผู้ประสบเหตุ ครอบครัว และสังคมโดยรวม โดยผลกระทบนี้ไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บ
ทางกายที่อาจทำให้เกิดภาวะพิการหรือเสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับผลกระทบทางจิตใจและเศรษฐกิจของสังคมด้วย เช่น การสูญเสียผู้เป็นกำลังหลักของครอบครัวที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตของสมาชิกที่เหลือ เป็นต้น
ผู้ประสบเหตุ: มีผลกระทบทางกายและจิตใจ อาจสูญเสียชีวิตหรือเสียชีวิต การบาดเจ็บอาจทำให้เกิดภาวะพิการหรือส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและฟื้นฟูสุขภาพ
ครอบครัว: มีผลกระทบทางจิตใจและเศรษฐกิจ เช่น การสูญเสียสมาชิกคนในครอบครัว ซึ่งอาจเป็นกำลังหลักของครอบครัว ทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม
สังคมโดยรวม: มีผลกระทบทางเศรษฐกิจ อาทิเช่น ต้นทุนการรักษาพยาบาลจากหน่วยงานรัฐและการให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้พิการจากอุบัติเหตุทางถนน และค่าเสียโอกาสของประเทศจากการสูญเสียกำลังแรงงานที่มีผลิตภาพ
+ 1) การศึกษาผลกระทบ การประกันภัยและการชดเชยเยียวยาผู้ประสบเหตุรถโดยสารสาธารณะ
1) การศึกษาผลกระทบ การประกันภัยและการชดเชยเยียวยาผู้ประสบเหตุรถโดยสารสาธารณะ พบว่า มีปัญหาในการได้รับความช่วยเหลือจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขาดความรู้เกี่ยวกับสิทธิของผู้โดยสารที่เกิดอุบัติเหตุ การชดเชยเยียวยาที่ไม่เป็นธรรมจากบริษัทประกันภัยและผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารสาธารณะ และขาดคำแนะนำในกรณีที่เกิดคดีความฟ้องร้องในศาล ส่งผลให้ผู้ประกอบการขาดแรงจูงใจในการใช้ความระมัดระวังและมีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
ผลกระทบต่อผู้ประสบเหตุและครอบครัว: มีความช่วยเหลือต่ำ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ มีค่าใช้จ่ายในการรักษาและดำรงชีวิตที่เพิ่มขึ้น บางคนต้องเปลี่ยนงาน และมีคดีความที่ยุติลงเนื่องจากการไม่เข้าใจสิทธิความคุ้มครองหรือการชดเชยที่ไม่เพียงพอ
การประกันภัย: ระบบประกันภัยในประเทศมีความไม่เหมาะสม วงเงินคุ้มครองต่ำ ขาดความคุ้มครองสำหรับทรัพย์สิน และค่าเบี้ยประกันยังขาดการกำหนดที่สามารถเพิ่มแรงจูงใจในการขับขี่อย่างปลอดภัย
การชดเชยเยียวยา: มีปัญหาในการได้รับความช่วยเหลืออย่างเพียงพอ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้ผู้ประกอบการขาดแรงจูงใจในการให้ความระมัดระวังในการขับขี่
ดังนั้น การศึกษาพบว่าความเหมาะสมของการชดเชยเยียวยาเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะยังมีความสำคัญ และมีความจำเป็นในการปรับปรุงระบบการประกันภัยและการชดเชยเยียวยาให้เหมาะสมเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุและผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังอุบัติเหตุ
ที่มา:รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ อุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะ: ผลกระทบ การประกันภัยและการชดเชยเยียวยา จัดทำโดย ดร. สุเมธ องกิตติกุล และคณะ มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย สนับสนุนโดย ศวปถ. มสช.และ สสส. (เมย.2556)
+ 2) การพัฒนาระบบการประเมินมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุทางถนนในภาพรวมของประเทศไทยที่เป็นมาตรฐาน
2) การพัฒนาระบบการประเมินมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุทางถนนในภาพรวมของประเทศไทยที่เป็นมาตรฐาน
การพัฒนาระบบการประเมินมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุทางถนนในภาพรวมของประเทศไทย มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นการจัดทำข้อมูลที่เป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในการวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุทางถนน โดยการออกแบบกระบวนการเพื่อคำนวณหาตัวเลขความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนในภาพรวม และวางแนวทางการวิเคราะห์ให้เป็นมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ใช้ผลงานวิจัย 4 เรื่องเป็นต้นแบบการวิเคราะห์
มูลค่าความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่สามารถใช้อ้างอิง โดยใช้วิธีต้นทุนมนุษย์ (Human Capital Approach) หรือการคำนวณมูลค่าความสูญเสียรวม (Gross Output) ทั้งจากค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคตจากการเกิดอุบัติเหตุ
การศึกษานี้มีความสำคัญในการนำข้อมูลไปใช้ในการประเมินมูลค่าอุบัติเหตุของประเทศในภาพรวม เพื่อใช้ในการวางกลยุทธ์และประเมินงบประมาณในการลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนอย่างถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น
ที่มา:รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการวิจัย “การพัฒนาระบบการประเมินมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุทางถนนในภาพรวมของประเทศไทยที่เป็นมาตรฐาน” จัดทำโดย ผศ.ดร.ปรีดา จาตุรพงศ์ และคณะ สนับสนุนโดยมูลนิธิไทยโรดส์ (ปี 2563) 58 หน้า
+ 3) การศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของอุบัติเหตุทางถนน
3) การศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของอุบัติเหตุทางถนน เป็นการวิเคราะห์มูลค่าความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยเพื่อให้สามารถพัฒนาไปสู่ผลลัพธ์และวิธีการที่ใช้อ้างอิงทางวิชาการของประเทศได้ โดยวิธีการประเมินมูลค่าชีวิตเชิงสถิติ (Value of Statistical Life: VSL) ประกอบด้วย 2 วิธีคือ วิธีทุนมนุษย์ (Human Capital Approach: HCA) และวิธีความพึงพอใจที่จะจ่าย (Willingness to Pay Approach: WTP)
งานวิจัยมีผลผลิตของโครงการ 3 ด้านหลักที่จะสามารถนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ ได้แก่ (1) ข้อเสนอการกำหนดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (2) การประเมินความคุ้มค่าของโครงการลงทุนด้านความปลอดภัยทางถนนด้วย
วิธีการวิเคราะห์ต้นทุนผลได้ (CBA) และ (3) แนวทางการประยุกต์วิธีการประเมินมูลค่าความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนของไทยกับการกำหนดนโยบาย
ที่มา:รายงานโครงการวิจัย “การศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของอุบัติเหตุทางถนน” จัดทำโดย ดร. สุเมธ องกิตติกุล และคณะ มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย สนับสนุนโดย วช.
การนำเสนอบทความ เพื่อชี้ให้เห็นผลกระทบของอุบัติเหตุทางถนนต่อสุขภาพของคนไทยเป็นการสะท้อนถึงความสำคัญของการรับรู้และการจัดการปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในประเทศ โดยเน้นอ้างถึงการเข้าร่วมประชุมปฏิญญาบราซิเลีย (Brazillia Declaration) ที่องค์การสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลกจัดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เป็น
ปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งอุบัติเหตุทางถนนเป็นสาเหตุหลักของการตายและบาดเจ็บอันดับต้น ๆ ของโลก และมีผลกระทบโดยตรงต่อครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ โดยทุกวันจะมีครอบครัวที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียสมาชิกและการดูแลผู้พิการจากอุบัติเหตุทางถนน โดยมีผลกระทบทางเศรษฐกิจประมาณปีละ 2.3 แสนล้านบาท
การจัดการปัญหาอุบัติเหตุทางถนนเป็นเรื่องที่ซับซ้อนต้องเข้าใจสาเหตุปัจจัยที่ลึก ๆ เช่น ปัจจัยจากคน รถ ถนน และสิ่งแวดล้อมที่เป็นสาเหตุอุบัติเหตุ และการเสียชีวิต รวมถึงปัจจัยรากฐานที่เกี่ยวข้องกับระบบการจัดการ โครงสร้าง กฎหมายและการบังคับใช้ ระบบมาตรฐานด้านความปลอดภัย และทัศนคติความเชื่อของผู้ใช้รถใช้ถนนว่าเป็นเรื่องเคราะห์กรรม
การจัดการในรูปแบบ "ความร่วมมือ" (Partnership for Road Safety) เป็นหลักการสำคัญที่จะช่วยให้มีการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างเชื่อถือได้อย่างเป็น
ผลลัพธ์ โดยการร่วมมือของภาคนโยบาย ผู้ปฏิบัติ และกลไกวิชาการทุกฝ่ายจะช่วยให้มีการจัดการที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการจัดการที่เข้มแข็งตามแนวทางที่องค์การสหประชาชาติเสนอเพื่อแก้ไขที่รากฐานและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซากในอนาคต
ที่มา:บทความเรื่อง “อุบัติเหตุทางถนนกับผลต่อ “สุขภาพ” ของคนไทย จัดทำโดยศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ไม่ระบุปีที่จัดทำ)
3.3 ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับแนวทางการจัดทำและพัฒนาคุณภาพข้อมูลสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน
+ 1) คู่มือสืบค้นและวิเคราะห์สาเหตุอุบัติเหตุทางถนนตามแนวทางมนุษย์ปัจจัย (Safety Investigation)
1) คู่มือสืบค้นและวิเคราะห์สาเหตุอุบัติเหตุทางถนนตามแนวทางมนุษย์ปัจจัย (Safety Investigation) เป็นเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นจากแบบจำลอง Swiss Cheese Model เพื่ออธิบายความผิดพลาดของมนุษย์ในระดับองค์กร การกำกับดูแลที่ไม่ปลอดภัย สภาพ/เงื่อนไขที่ไม่ปลอดภัย และการกระทำที่ไม่ปลอดภัยของผู้ขับขี่ โดยมุ่งเน้นการวิเคราะห์และป้องกันอุบัติเหตุในสถานการณ์จราจรทางถนน
คู่มือนี้ได้นำเสนอวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานด้านมนุษย์ปัจจัย ตั้งแต่รหัสนาโน ปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดอุบัติเหตุ สภาพที่นำไปสู่อุบัติเหตุหรือสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย และตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม รวมถึงเครื่องมือประกอบการเก็บข้อมูลอย่างละเอียด เช่น การใช้แบบจำลอง SHELL ในการเก็บข้อมูลและบันทึกหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการสัมภาษณ์ผู้ประสบเหตุและผู้ที่เกี่ยวข้อง เทคนิคการถ่ายภาพอุบัติเหตุ/ทำแผนที่อุบัติเหตุ ตัวอย่างการออกข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แบบทดสอบความเครียด แนวทางการปรับใช้รหัสนาโนมนุษย์ปัจจัย 5 กรณีศึกษา และแบบฟอร์มการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์รหัสนาโนมนุษย์ปัจจัย
ที่มา:คู่มือสืบค้นและวิเคราะห์สาเหตุอุบัติเหตุทางถนนตามแนวทางมนุษย์ปัจจัย (Safety Investigation) ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (8 เมษายน 2563) จัดทำโดย นาวาอากาศเอกสุวรรณ ภู่เต็ง สนับสนุนโดย ศวปถ. มนป. และ สสส.
+ 2) หนังสือ “สืบ เจาะ (คน) ต้นเหตุ - อุบัติเหตุ”
2) หนังสือ “สืบ เจาะ (คน) ต้นเหตุ - อุบัติเหตุ”
หนังสือ "สืบ เจาะ (คน) ต้นเหตุ - อุบัติเหตุ" มี 4 ส่วนหลักดังนี้
ส่วนที่ 1: หลักคิดมนุษย์ปัจจัย (คนต้นเหตุ) และการสืบสวนอุบัติเหตุทางถนน
¬นำเสนอกรณีศึกษาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ปัจจัยและการเกิดอุบัติเหตุทางถนน
¬ชี้แจงว่าการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมีมนุษย์ปัจจัยเกี่ยวข้องกับทุกคน
ส่วนที่ 2: แนวทางนำเสนอข่าวอุบัติเหตุ (จรรยาบรรณของนักข่าว)
¬กล่าวถึงความรับผิดชอบของนักข่าวในการทำข่าวที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ ทั้งในด้านจริยธรรมและกฎหมาย
¬เน้นความสำคัญของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติในการควบคุมการทำงานของสื่อมวลชน
ส่วนที่ 3: ความรู้พื้นฐานเพื่ออธิบายอุบัติเหตุจากกรณีศึกษาข่าวอุบัติเหตุ
¬ใช้ข้อมูลกรณีศึกษาจากหลากหลายแหล่ง เช่น คู่มือเมื่อนักข่าวกลายเป็นนักสืบอุบัติเหตุ และข่าวที่ได้รับรางวัล
¬เน้นการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือในการทำข่าวสืบสวนอุบัติเหตุ
ส่วนที่ 4: เทคนิคการผลิตข่าวแบบ Mobile Journalism
¬อธิบายเทคนิคการผลิตข่าวโดยใช้โทรศัพท์มือถือ
¬นำเสนอเครื่องมือและเทคนิคต่างๆ เช่น การถ่ายวิดีโอ การใช้ไวยากรณ์ของภาพ และการใช้แอปพลิเคชันสำหรับการถ่ายทำวิดีโอด้วยมือถือ
ที่มา:หนังสือ“สืบ เจาะ (คน) ต้นเหตุ - อุบัติเหตุ” จัดทำโดย เสาวลักษณ์คงภัคพูน| ขวัญรักษ์ เม้งตระกูล กุลพัฒน์ จันทร์ไกรลาส สนับสนุนโดย ศวปถ.,มนป. สสส. (ไม่ระบุปีที่พิมพ์)
+ 3) การจัดการข้อมูลอุบัติเหตุจราจร
3) การจัดการข้อมูลอุบัติเหตุจราจร
การจัดการข้อมูลอุบัติเหตุจราจรเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุ โดยมีประกอบด้วยหลายขั้นตอนดังนี้:
การรายงานข้อมูลอุบัติเหตุ:
¬การเตรียมและรายงานข้อมูลอุบัติเหตุอย่างเหมาะสม เช่น แบบฟอร์มรายงานอุบัติเหตุที่ครอบคลุมทุกด้านของเหตุการณ์
¬การเก็บรวบรวมข้อมูลอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในฐานข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุ:
¬การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุจุดเสี่ยงและผังการชน เพื่อเข้าใจสาเหตุของอุบัติเหตุ
การสืบสวนอุบัติเหตุ:
¬การสืบสวนเพื่อตรวจสอบปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ รถ ถนนและสิ่งแวดล้อม เพื่อเข้าใจสาเหตุและมีมาตรการเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในอนาคต
การตรวจสอบความปลอดภัยทางถนน:
¬การตรวจสอบความปลอดภัยหลังจากการเปิดใช้งาน เพื่อระบุปรับปรุงที่จำเป็น
¬การจัดทำรายงานและการสื่อสารเกี่ยวกับการตรวจสอบความปลอดภัยทางถนน
มาตรการเพื่อความปลอดภัยและการแก้ไขจุดเสี่ยง:
¬การปรับปรุงสภาพถนนและสิ่งแวดล้อม เพื่อลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุ
¬การบังคับใช้กฎหมายเพื่อความปลอดภัย และการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มงวด
การจัดการข้อมูลอุบัติเหตุจราจรเป็นกระบวนการที่สำคัญที่สุดในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในทุกพื้นที่ โดยจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์และการจัดการข้อมูลอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์และความเร่งด่วนของแต่ละเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้นๆ อย่างทันท่วงทีและเหมาะสม
ที่มา:เอกสารการจัดการข้อมูลอุบัติเหตุจราจร พันตำรวจโท อมรชัย ลีลาขจรจิต และพันตำรวจโท ภาณุพงศ์ ภาณุดุลกิตติ โครงการพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สนับสนุนโดย สสส. ปีที่พิมพ์ พ.ศ. 2558 (จัดพิมพ์โดยศูนย์วิจัยและพัฒนากองบัญชาการศึกษา และศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน)
+ 4) เมื่อนักข่าวกลายเป็นนักสืบ (อุบัติเหตุ)
4) เมื่อนักข่าวกลายเป็นนักสืบ (อุบัติเหตุ)
การรายงานข่าวอุบัติเหตุบนท้องถนนมีความสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ การเปลี่ยนวิธีการนำเสนอข่าวอุบัติเหตุสามารถช่วยสร้างทัศนคติและพลังขับเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงสังคมได้ด้วยข้อมูลมากพอ หลักการสำคัญได้แก่
1.การวิเคราะห์อุบัติเหตุต้องมุ่งเน้นที่การนำเสนอข้อมูลที่เชื่อถือได้และวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อเข้าใจต้นตอของปัญหาและติดตามความคืบหน้าของเหตุการณ์เพิ่มเติม
2.การนำเสนอข่าวอุบัติเหตุควรมีการแบ่งเป็นระดับ โดยระดับแรกจะเน้นที่การรายงานสถานการณ์อย่างทันท่วงทีจากข้อเท็จจริงในที่เกิดเหตุและแหล่งข่าวแวดล้อม และระดับที่สองจะเน้นที่การวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อให้เห็นถึงต้นตอของปัญหาและติดตามความคืบหน้าของเหตุการณ์
3.สื่อท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการสร้างถนนปลอดภัยได้โดยการนำเสนอข่าวอุบัติเหตุโดยใช้ข้อมูลเชิงวิชาการมากกว่าอิงอยู่กับความเชื่อเดิม และช่วยเตือนภัยให้ได้ผลจากการนำเสนอแง่มุมของความสูญเสียและความน่ากลัว
4.หลักการสำคัญการเป็นผู้ช่วยนักสืบต้องไม่ลืมที่ว่า การวิเคราะห์อุบัติเหตุต้องการข้อมูลที่นำไปสู่ปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ และปัจจัยที่ส่งผลต่อความรุนแรงของอุบัติเหตุ โดยที่แนวทางการรายงานข่าวอุบัติเหตุควรประกอบไปด้วยข้อมูลและภาพถ่ายต่างๆ ที่มุ่งเน้นที่ลำดับเหตุการณ์ ความเสียหายทั้งคน รถ และถนน และปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดอุบัติเหตุและความเสียหายของมัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาได้โดยมีข้อมูลเชิงลึกและชัดเจน
ที่มา:หนังสือ เรียบเรียงจากงานวิจัยโครงการ “การจัดทำคู่มือรายงานข่าวอุบัติเหตุบนท้องถนนเชิงสร้างสรรค์” โดย คุณอรดี อินทร์คง สนับสนุนโดย ศวปถ. , มสช. และสสส. (2556)
+ 5) คู่มือนักสืบอุบัติเหตุรถโดยสารขนาดใหญ่
5) คู่มือนักสืบอุบัติเหตุรถโดยสารขนาดใหญ่
คู่มือนักสืบอุบัติเหตุรถโดยสารขนาดใหญ่เน้นการสืบสวนอุบัติเหตุของรถโดยสารขนาดใหญ่และกรณีศึกษาในประเทศไทย เพื่อให้นักข่าว หน่วยงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องในการนำเสนอข้อเท็จจริงของการเกิดอุบัติเหตุใช้เป็นเครื่องมือในการเจาะประเด็นและนำเสนอมุมมองที่อาจเคยถูกมองข้ามไป ประกอบด้วยข้อสำคัญดังนี้
1.การสืบสวนอุบัติเหตุต้องเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อหาองค์ประกอบของการเกิดเหตุและองค์ประกอบของการบาดเจ็บ
2.การนำเสนอข่าวอุบัติเหตุควรมีการแสดงข้อมูลที่มุ่งเน้นที่ลำดับเหตุการณ์ ความเสียหายทั้งคน รถ และถนน และปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดอุบัติเหตุและความเสียหายของมัน
3.การนำเสนอข้อมูลเชิงวิชาการมากกว่าอิงอยู่กับความเชื่อเดิม และช่วยเตือนภัยให้ได้ผลจาก
การนำเสนอแง่มุมของความสูญเสียและความน่ากลัว
4.การสำคัญของการสื่อสารถึงผลจากการสืบสวนอุบัติเหตุของรถโดยสารขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มความเข้าใจและการรับรู้ในสังคม
5.การแสดงตัวอย่างกรณีอุบัติเหตุรถโดยสารขนาดใหญ่และการนำเสนอข้อมูลในคู่มือเพื่อให้นักข่าวและผู้ที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจและความสามารถในการนำเสนอข่าวอุบัติเหตุให้เป็นไปตามหลักการและมีความรู้ในการสืบสวนอุบัติเหตุอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา:หนังสือคู่มือนักสืบอุบัติเหตุรถโดยสารขนาดใหญ่ จัดทำโดย ศาสตราวุฒิ พลบูรณ์ สาขาวิศวกรรมขนส่ง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จัดพิมพ์และเผยแพร่โดย ศวปถ.,มนป. สนับสนุนโดย สสส. (ไม่ระบุปีที่พิมพ์)
+6) แนวทางการพัฒนาระบบและการจัดการข้อมูลสารสนเทศด้านความปลอดภัยทางถนนสำหรับบุคลากรในกลไก ศปถ.
6) แนวทางการพัฒนาระบบและการจัดการข้อมูลสารสนเทศด้านความปลอดภัยทางถนนสำหรับบุคลากรในกลไก ศปถ. เน้นให้มีการจัดการและพัฒนาระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มศักยภาพของคณะทำงานในกลไกศปถ.ระดับอำเภอและท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นไปที่จุดคานงัดสำคัญที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงระดับพื้นที่ได้มากที่สุด ดังนี้:
1.การสร้างระบบและกระบวนการจัดการข้อมูลโดยเน้นการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ในพื้นที่และการใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น จากโรงพยาบาล/สถานีตำรวจ และศูนย์ความร่วมมือด้านข้อมูลการบาดเจ็บ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง
2.การใช้เครื่องมือที่เกี่ยวข้อง เช่น เครื่องมือในการวิเคราะห์จุดเสี่ยงและการสืบสวนอุบัติเหตุ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
3.การวิเคราะห์ข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยใช้ประเภทและวิธีการรวบรวม
ข้อมูลแบบ Case Based และแบบ Problem Based เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและสมบูรณ์
4.การสร้างความมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบ โดยการสร้างแกนนำชุมชนและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนการทำงานแบบบูรณาการ
5.การวางแผนและกำกับติดตามการดำเนินงาน โดยรวมมีการสรุปปัจจัยและเงื่อนไขความสำเร็จที่สำคัญในการพัฒนาระบบและการจัดการข้อมูลสารสนเทศด้านความปลอดภัยทางถนน ด้วยการบูรณาการระหว่างกลไกของ ศปถ.อำเภอ พชอ. อปท. และพชต. โดยมีการใช้ข้อตกลง/แนวปฏิบัติทั้งในระดับหน่วยงานและคณะทำงาน การสร้างการมีส่วนร่วมในระดับต่าง ๆ และการสร้างเจ้าภาพในการวางแผนและกำกับติดตามการดำเนินงาน โดยมีการสร้างทีมงานที่มีความเข้าใจและความรู้ในการสืบสวนอุบติเหตุให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
ที่มา:เอกสารแนวทางการพัฒนาระบบและการจัดการข้อมูลสารสนเทศด้านความปลอดภัยทางถนน จัดทำโดย ศวปถ. , มนป. และ สสส. (มีค. 2565)
+7) การใช้งานระบบรายงานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน (E-report)
7) การใช้งานระบบรายงานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน (E-report) เป็นฐานข้อมูลที่สำคัญในการติดตามและจัดเก็บข้อมูลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ เริ่ม
ตั้งแต่ปี 2547 และปรับปรุงการจัดเก็บข้อมูลให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยการรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนตามหลักวิชาการ:
1.การปรับปรุงฐานข้อมูล: การปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้องและครอบคลุมตามมาตรฐานวิชาการ เช่น การปรับปรุงข้อมูลการบันทึกอุบัติเหตุและมาตรการที่ดำเนินการต่อเนื่อง
2.การจัดเก็บข้อมูลและรายงาน: การใช้ E-report เป็นเครื่องมือในการบันทึกข้อมูลทั้งในช่วงปกติและช่วงเทศกาล เพื่อให้สามารถติดตามและรายงานผลการปฏิบัติงานให้แก่ผู้รับผิดชอบทุกระดับ
3.คู่มือการใช้งาน: มีการจัดทำคู่มือ E-report เพื่อแสดงวิธีการและขั้นตอนในการใช้งานระบบ ทั้งผ่านเว็บไซต์ www.disaster.go.th และ http://roadsafety.disaster.go.th/in.roadsafety-q.q96/
4.ระบบการรายงานและการยืนยันข้อมูล: มีการจัดเตรียมระบบการรายงานและการยืนยันข้อมูลในระดับต่าง ๆ เช่น ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับเขต และระดับกรม เพื่อให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือและถูกต้อง
5.การใช้งาน E-Map: มีการใช้งาน E-Map เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลด้วยค่าพิกัดทางภูมิศาสตร์และแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ ในรูปแบบแผนที่ เช่น จุดตรวจ จุดเกิดเหตุ และจุดที่มีผู้เสียชีวิต โดยทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
6.การกำหนดระดับผู้ใช้งาน: มีการกำหนดระดับผู้ใช้งานตามสถานะและหน้าที่ เช่น อำเภอ ตำรวจ และจังหวัด เพื่อให้การบันทึกและรายงานข้อมูลเป็นไปอย่างมีระเบียบและเป็นระบบ
7.แบบบันทึกข้อมูล: มีการจัดทำแบบบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น แบบบันทึกข้อมูลผู้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจ แบบบันทึกข้อมูลการ
เรียกตรวจและดำเนินคดีตามมาตรการหลัก และแบบรายงานอุบัติเหตุใหญ่ เพื่อให้การบันทึกข้อมูลเป็นไปอย่างครบถ้วนและเป็นระเบียบ
ที่มา:เอกสารประกอบโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างประสิทธิภาพการรายงานผลการปฏิบัติงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระบบรายงานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน (E-report) (พย.2564) จัดทำโดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ปภ.
3.4 สื่อที่ใช้ในการรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจและกิจกรรมวิชาการ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนงานจัดการความปลอดภัยทางถนน
+ 1. สื่อที่ใช้ในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ในการจัดการความปลอดภัยทางถนน
1. สื่อที่ใช้ในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ในการจัดการความปลอดภัยทางถนน
การจัดทำสื่อที่ใช้ในการรณรงค์และประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้ในการจัดการความปลอดภัยทางถนนเป็นสิ่งสำคัญที่สร้างความเข้าใจและสร้างการเข้าร่วมในกิจกรรมวิชาการด้านความปลอดภัยทางถนนของหน่วยงานและภาคีเครือข่ายที่ทำงานในด้านนี้ สร้างความตระหนักและกระตุ้นพฤติกรรมที่เหมาะสมในการใช้ถนนอย่างปลอดภัย การจัดทำสื่อที่ใช้ในการรณรงค์และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของหน่วยงานและภาคีเครือข่ายที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และเป็นการสร้างการตระหนักรู้และพฤติกรรมที่ดีต่อการใช้ถนนอย่างปลอดภัยในสังคม
1) จำแนกตามหน่วยงาน
(1) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
(1) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) /(228)
-
เว็ปไซค์ สสส.
https://www.thaihealth.or.th/category/happy-media/
•เว็บไซต์ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ
https://resourcecenter.thaihealth.or.th
•Digital Object Library (DOL) Home page https://dol.thaihealth.or.th/
•Facebook : SAFE Education
โครงการ "SAFE Education ขับขี่ศึกษา" บน Facebook เป็นการสร้างความตระหนักรู้และเสริมความรอบรู้ทางสุขภาพด้านความปลอดภัยทางถนน (Road Safety Literacy) ในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยมุ่งเน้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงจัดกิจกรรมเรียนรู้ออนไลน์สำหรับผู้สนใจในเรื่องนี้
(2) ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
(2) ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
เว็บไซต์ www.roadsafetythai.org เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการจัดการความปลอดภัยทางถนน ซึ่งประกอบด้วยรายงานวิจัย รายงานสัมมนา ข้อมูลสถิติ หนังสือและ Factsheet, Power point, Infographic, Clip Video ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องประเด็นเด่นและประเด็นร้อนในด้านความปลอดภัยทางถนน นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอข้อมูลผ่านช่องทาง Facebook ศูนย์วิชาการความปลอดภัยทางถนน และรายการ YouTube roadsafetythai เพื่อเสนอความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความปลอดภัยทางถนน เช่น วิธีการขับขี่อย่างปลอดภัย การส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยด้วยทักษะการบังคับเชิงบวก (Behavior-based safety หรือ BBS) และการรณรงค์ให้ผู้คนเดินทางปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ รวมถึงการนำเสนองานสัมมนาวิชาการระดับชาติเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนด้วย
(3) สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.)
(3) สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.)
เว็บไซต์ http://www.accident.or.th และหน้า Facebook ของสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) เป็นแหล่งที่สำคัญในการเผยแพร่สื่อที่ผู้สนใจสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น คลิปวิดีโอเกี่ยวกับเรื่องรถชนแบบไหนอันตรายที่สุด การสอบใบขับขี่และการขับขี่อย่างปลอดภัย ตำบลต้นแบบปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน และสื่อเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ เช่น เพลงรณรงค์ สปอตวิทยุ บทความ จดหมายข่าว ป้ายตั้งโต๊ะหรือป้ายมือถือ สติ๊กเกอร์หรือแบนเนอร์รณรงค์ และเข็มกลัด ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการสื่อสารและการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อสร้างการเข้าใจและการรับรู้ในสังคมเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัยทางถนนและวิธีการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนไปยังประชาชนทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(4) แผนงานป้องกันอุบัติเหตุทางถนน (สอจร.)
(4) แผนงานป้องกันอุบัติเหตุทางถนน (สอจร.)
เว็บไซต์ www.rswgsthai.com และหน้า Facebook ของสอจร. (แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด) เป็นแหล่งที่สำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลและข่าวสารเกี่ยวกับแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด โดยการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่จัดขึ้น ผลการดำเนินงานของสำนักงานในแต่ละภูมิภาค งานวิจัย เช่น ชุดความรู้ บทความ โปสเตอร์ และข้อมูลอื่นๆ ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญที่ช่วยในการส่งเสริมการเข้าใจและการรับรู้เกี่ยวกับการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนให้กับประชาชนทั่วไปในระดับจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น เว็บไซต์และหน้า Facebook เหล่านี้เป็นช่องทางสำคัญในการสื่อสารและการเผยแพร่ข้อมูลที่มีผลสำคัญในการสร้างสังคมที่มีความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน และสนับสนุนการลดอุบัติเหตุในระดับจังหวัดอย่างเชี่ยวชาญ
(5) มูลนิธิเมาไม่ขับ
(5) มูลนิธิเมาไม่ขับ
เว็บไซต์ https://www.ddd.or.th เป็นแหล่งที่สำคัญในการเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ กิจกรรม ข้อมูลที่มีความรู้ความสำคัญ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน สื่อรณรงค์ที่เน้นการเฉลิมฉลองและการสร้างความตระหนักรู้ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยบนถนน นอกจากนี้ยังมีการแบ่งปันวิดีโอและเนื้อหาอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้และการเข้าใจในเรื่องการจัดการความปลอดภัยทางถนนในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม
(6) สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก (สนภ.) กรมการขนส่งทางบก
(6) สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก (สนภ.) กรมการขนส่งทางบก
จัดทำ Blog ขับขี่ปลอดภัยโดยกรมการขนส่งทางบก (DLT) เป็นแหล่งที่สำคัญในการแบ่งปันความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ปลอดภัย ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Facebook, Twitter, และ Line เนื้อหาที่เผยแพร่มีความหลากหลาย เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายทางถนนที่ควรรู้, การคาดการณ์อุบัติเหตุ, เทคนิคในการขับรถที่ปลอดภัย เป็นต้น โดยเนื้อหาเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างการเข้าใจและการตระหนักรู้ในเรื่องของความปลอดภัยทางถนนให้กับประชาชนในทุกช่วงวัยและกลุ่มคนทั่วไป ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดอุบัติเหตุทางถนนในประเทศ
+ 2) จำแนกตามประเด็นรณรงค์
สื่อที่ใช้ในการรณรงค์มีความหลากหลายทั้งในเชิงรูปแบบ และเนื้อหาสาระ รวมทั้งมีหลายหน่วยงาน องค์กรและภาคีเครือข่ายจัดทำขึ้น ในที่นี้ขอยกตัวอย่างดังนี้
¬ดื่มไม่ขับ/เมาไม่ขับ
-https://safedrivedlt.com/สิ่งห้ามทำ-ดื่มไม่ขับ/กรมขนส่งทางบก
¬ง่วงไม่ขับ
-คลิปวิดีโอ http://www.accident.or.th/index.php/2017-09-06-07-57-09/video/53-/สำนักเครือข่ายลดอุบัติเหตุ
¬โทรไม่ถือ
แผ่นพับ/มูลนิธิเมาไม่ขับ
¬สวมหมวกนิรภัย
-https://safedrivedlt.com/หมวกกันน็อค-ล็อคชีวิต/กรมการขนส่งทางบก
¬คาดเข็มขัดนิรภัย/ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก
- https://safedrivedlt.com/คาดเข็มขัดนิรภัย/กรมการขนส่งทางบก
¬ขับขี่ปลอดภัย/ตั้งสติก่อนสตาร์ท
-คลิปวีดีโอ: รถชนแบบไหนอันตรายที่สุด และป้องกันอย่างไร
http://www.accident.or.th/index.php/2017-09-06-07-57-09/video/93-/สำนักเครือข่ายลดอุบัติเหตุ , สสส.
-https://safedrivedlt.com/เช็กรถ-bewagon/กรมการขนส่งทางบก
-แผ่นพับ/ DOL ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส.
¬จำกัดความเร็ว
- Factsheet สำรวจพฤติกรรมการใช้ความเร็วบริเวณทางข้าม (ทางม้าลาย) ในเขตกรุงเทพฯ 12 จุดทางข้าม และจุดสำรวจหน้าสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ /มูลนิธิไทยโรดส์ , สสส.
¬การใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ
-การพิจารณาความปลอดภัยของรถโดยสาร/ศวปถ. มนป. TDRI สสส.
¬อื่นๆ เช่น
-เกมการ์ด ไพ่ปัจจัยกำหนดสุขภาพ : สำหรับกระบวนกรขับเคลื่อนกลไก ศวปถ./ศวปถ.
-วารสาร “ร่วมทาง” ฉบับพิเศษปฐมฤกษ์ : ความปลอดภัยของระบบการขนส่งสาธารณะ และประเด็นอื่นๆ/ศวปถ.
-นาทีฉุกเฉิน ณ ที่เกิดเหตุ สู่เครือข่ายลดอุบัติเหตุทางถนน : เรื่องเล่าประสบการณ์การสร้างเครือข่ายฯ ของจังหวัดนครศรีธรรมราช และขอนแก่น/ศวปถ. , สอจร. , สสส.
- Factsheet ลดเจ็บ ลดตาย ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เมืองแห่งความปลอดภัยทางถนน : สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน (2554-2562) เด็กและเยาวชนที่ตกเป็นเหยื่ออุบัติเหตุทางถนน ข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการแก้ปัญหา 4 ประเด็น/สถาบันยุวทัศน์ฯ , สสส. , ศวปถ.
-คลิปวีดีโอของ สสส. เช่น นครพนม ชูไอเดีย ‘1669 Model’ ลดอุบัติเหตุทางถนน
https://www.thaihealth.or.th/?p=317171 ต้นแบบการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการจัดการความปลอดภัยทางถนน/สสส.
2. ความรู้ที่ได้จากกิจกรรมวิชาการ
2. ความรู้ที่ได้จากกิจกรรมวิชาการ
กิจกรรมวิชาการที่จัดขึ้นระหว่างศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย (มนป.) และศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีความสำคัญในการสร้างความร่วมมือและแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย
กิจกรรมนี้จัดขึ้นเป็นระยะๆ โดยมีการสัมมนาระดับชาติเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนทุก ๆ 2 ปี เพื่อให้ผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงานทั้งภาครัฐ เอกชน มูลนิธิ สมาคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับทราบนโยบายของรัฐบาล และมีส่วนร่วมในการเสนอนโยบายสาธารณะ เช่น แนวทางการบูรณาการ การปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงาน เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีการมอบรางวัล Prime Minister Road Safety Awards และนิทรรศการแสดงผลงานและนวัตกรรมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน โดยกิจกรรมเหล่านี้ช่วยสร้างความร่วมมือและเสริมสร้างการทำงานร่วมกันของหน่วยงานและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย
+ 1) งานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 10 “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ: Time to Action”
1) การสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 10 “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ: Time to Action” ที่จัดขึ้นในวันที่ 25-26 สิงหาคม 2554 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เป็นการรวมตัวของผู้นำและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่ออภิปรายและแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับแผนการปลอดภัยทางถนนในประเทศไทย
กิจกรรมสำคัญในงานประกอบด้วย การปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "วิสัยทัศน์รัฐบาล: ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน ถึงเวลาที่ต้องลงมือทำ" และการอภิปรายในหัวข้อต่าง ๆ เช่น "แผนที่นำ
ทาง...ทิศทางทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน" และ "การรวมพลังภาคีเครือข่ายเพื่อเกาะติดการขับเคลื่อนทศวรรษความปอดภัยทางถนน"
นอกจากนี้ยังมีการเสวนาห้องย่อยในหัวข้อต่าง ๆ เช่น "เดินทางปลอดภัย ไม่ไกลเกินฝัน" และ "ลดอุบัติเหตุทางถนน เริ่มต้นด้วยกฎหมาย สุดท้ายรวมใจชุมชนท้องถิ่น" เพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยทางถนน
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เกิดขึ้นในสัมมนาได้แก่
1.การสร้างกลไกการจัดการและความร่วมมือที่มีอิสระ เพื่อสร้างมาตรฐานคน รถ ถนน นวัตกรรม เทคโนโลยี และสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ
2.การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและถนนให้เน้นความปลอดภัยตรงกับคนในพื้นที่
3.การต้องการมาตรฐานรถปลอดภัย อุปกรณ์และระบบความปลอดภัยในรถ และมีแผนหลักแห่งชาติในการพัฒนาขนส่งมวลชน
4.เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคควรมีบทบาทในการตรวจสอบและเสนอแนะมากยิ่งขึ้น
5.มาตรฐานพฤติกรรมการขับขี่ปลอดภัยที่ได้รับการกำกับดูแลจากทุกเครือข่าย
6.การนำสารสนเทศจากระบบการแพทย์ฉุกเฉินมาชี้นำเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนน
ที่มา:(หนังสือ 5 เสาหลัก สร้างถนนปลอดภัย รวบรวมและเรียบเรียงจากโครงการสัมมนาระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 10 “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ : Time to Action 25-26 สิงหาคม 2554 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ผลิตและเผยแพร่โดยศูนย์วิชาการและความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
+ 2) งานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 11 “ความปลอดภัยทางถนน : สิทธิกับความปลอดภัยทางถนน”
2) การสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 11 “ความปลอดภัยทางถนน : สิทธิกับความปลอดภัยทางถนน” ที่
จัดขึ้นในวันที่ 11-12 ธันวาคม 2556 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนและเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางและมาตรการเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทย
กิจกรรมสำคัญของงาน ประกอบด้วย การปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "เส้นทางความปลอดภัยสู่ AEC เปิดเสรีทางการค้ากับความพร้อมด้านความปลอดภัยทางถนน" และการเสวนาในหัวข้อ "ยกระดับสิทธิความปลอดภัยทางถนนด้วยมาตรการองค์กร" และ "จับตาประเทศไทย สร้างสิทธิความปลอดภัยให้กับประชาชน" รวมทั้งการเสวนาห้องย่อยในหัวข้อต่าง ๆ เพื่อนำเสนอแนวทางและมาตรการเชิงนโยบายที่สามารถส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนได้อย่างเหมาะสม
ข้อเสนอเชิงนโยบายที่เกิดขึ้นในงานประกอบด้วย
1.การกู้ชีพและป้องกันภัยบนถนน: สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินควรสร้างมาตรฐานการจัดการความช่วยเหลือที่ปลอดภัย ณ จุดเกิดเหตุจนถึงโรงพยาบาล ส่งเสริมการเรียนรู้ในการกู้ชีพและป้องกันภัยในระดับชุมชน และส่งเสริมการฝึกฝนเด็กและเยาวชนในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
2.ท้องถิ่นร่วมใจป้องกันและลดภัยอุบัติเหตุทางถนน: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการจัดการข้อมูลในพื้นที่ร่วมกัน เพื่อนำไปใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา รวมถึงการรณรงค์สื่อสารเพื่อการเรียนรู้และการกระจายข้อมูลสำคัญจากรูปธรรมภูมิปัญญาในชุมชน
3.ถนนยุคใหม่ใส่ใจผู้ใช้ทาง: การวางแผนการใช้พื้นที่และงบประมาณร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม และการออกแบบพื้นที่สาธารณะและระบบการใช้รถใช้ถนนที่สะดวก ปลอดภัย เป็นธรรม ทั่วถึงเท่าเทียม
4.สิทธิเด็กไทยพ้นภัยอุบัติเหตุ: การสร้างหลักสูตรสำหรับผู้ปกครองในเรื่องความปลอดภัยสำหรับเด็ก และกำหนดตัวชี้วัดเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางเป็นตัวชี้วัดของสถานศึกษา
5.สื่อมวลชนกับความปลอดภัยถนน:การสื่อสารข่าวสารให้เป็นประโยชน์ในการป้องกันอุบัติเหตุจราจรเป็นสิ่งสำคัญ โดยนักสื่อสารมวลชนควรสร้างการเรียนรู้และความเข้าใจในการสื่อสารเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้และความรับผิดชอบของประชาชนในการรักษาความปลอดภัยทางถนน
6.ยานพาหนะปลอดภัย:กรมการขนส่งทางบกควรเข้มงวดการควบคุมและตรวจสอบสภาพรถและคนขับเพื่อให้มั่นใจว่ามีความพร้อมในการใช้งานอย่างปลอดภัย โดยกำหนดอายุการใช้งานและตรวจสอบสภาพของรถโดยสารสาธารณะอย่างเข้มงวด เพื่อลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุทางถนน
7.การบังคับใช้กฎหมาย:การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย เช่น การใช้โปรแกรมวัดความเร็ว (B-safe) ในโทรศัพท์มือถือเพื่อตรวจสอบความเร็วและรายงานไปยังสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น จึงเป็นการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความปลอดภัยในการใช้ถนน
8.สถานประกอบการกับความปลอดภัยทางถนน:การสร้างการตระหนักรู้และความเข้าใจในการปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 39001 เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ทุกองค์กรมีการบังคับใช้มาตรฐานที่เหมาะสมและเพียงพอในการลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม
ที่มา:รายงานฉบับสมบูรณ์งานสัมมนาระดับชาติ ครั้งที่ 11 เรื่อง “ความปลอดภัยทางถนน: สิทธิกับความปลอดภัยทางถนน” จัดทำโดยศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กองทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนน (กปถ.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) (ไม่ระบุปีที่พิมพ์))
+ 3) งานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 12 “ครึ่งทางทศวรรษ...กับการจัดการที่เข้มแข็ง”
3) การสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 12 “ครึ่งทางทศวรรษ...กับการจัดการที่เข้มแข็ง” มีความสำคัญในการเสนอแนวทางและมุมมองต่างๆ เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทย การปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "Global Situation: Time for Results" และ "ครึ่งทางทศวรรษกับการเดินหน้าประเทศไทยเพื่อความปลอดภัยทางถนน" เน้นไปที่การสรุปสถานการณ์ระดับโลกและการเดินหน้าของประเทศไทยในด้านความปลอดภัยทางถนน
การเสวนาโดยสรุปเป็นหัวข้อต่างๆ อาทิ
¬การจัดการครึ่งทางทศวรรษและบทเรียนจากประสบการณ์ต่างประเทศ เน้นการเรียนรู้และการปรับปรุงในการจัดการความปลอดภัยทางถนนจากประสบการณ์ของประเทศอื่นๆ
¬การจัดการเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้จักรยานและการจัดการความเร็ว เน้นการ
พัฒนาโครงสร้างทางถนนและวิธีการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ถนน
¬มาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน เน้นการปรับปรุงและบังคับใช้มาตรฐานการจัดการความปลอดภัยทางถนนในองค์กร รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงและการฝึกอบรมพนักงาน
¬การจัดการปัญหาเมาขับกับสังคมไทย เน้นการเสริมสร้างการตระหนักรู้และความเข้าใจในผลกระทบของการขับขี่ในสภาพเมาอย่างไม่ปลอดภัย
มีข้อเสนอเชิงนโยบาย เช่น
¬การสนับสนุนและกระตุ้นการปฏิบัติของศูนย์ท้องถิ่นในการจัดการความปลอดภัยทางถนน
¬การปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่ทางถนนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
¬การสนับสนุนการฝึกอบรมและการศึกษาเรื่องความปลอดภัยทางถนนในโรงเรียนและท้องถิ่น
¬การนำเทคโนโลยีมาช่วยในการบังคับใช้กฎหมายทางถนน
¬การบริหารจัดการข้อมูลและการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อการประเมินและการวางแผนในด้านความปลอดภัยทางถนน
ทั้งนี้การสื่อสารและการเผยแพร่ข้อมูลถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจในการรักษาความปลอดภัยทางถนนในสังคม โดยการสร้างความตระหนักรู้ในปัจจัยเสี่ยงและผลกระทบของพฤติกรรมการใช้ถนนที่ไม่ปลอดภัย และการสนับสนุนให้มีการตระหนักและรับผิดชอบต่อการใช้ถนนในลักษณะที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการลดอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยต่อไป
ที่มา:(รายงานฉบับสมบูรณ์งานสัมมนาระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 12 “ครึ่งทางทศวรรษ..กับการจัดการที่เข้มแข็ง” โดยคณะผุ้จัดทำจากศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ไม่ระบุปีที่พิมพ์)
+ 4) งานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 13 “ลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน”
4) การสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 13 “ลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน” เมื่อวันที่ 6-7 ธันวาคม 2560 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา มีเนื้อหาที่สำคัญดังนี้:
หัวข้อการบรรยายพิเศษ: ในหัวข้อ "Invest for Sustainable Road Safety" มีการเสนอแนวทางการลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน โดยการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและสังคมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนน และการนำเอามิติใหม่เช่นกฎหมาย Road Safety 4.0 และการตอบสนองหลังเกิดเหตุ มาเป็นส่วนสำคัญ
การเสวนาย่อย 8 หัวข้อ: มีการเสนอแนวทางและแนวคิดในการลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนนในหัวข้อต่างๆ เช่น การสร้างกลไกบูรณาการระดับพื้นที่ การพัฒนาถนนให้เป็นถนนยุคใหม่ที่ปลอดภัย การให้ความสำคัญต่อผู้เดินทาง การลงทุนในยานพาหนะที่ปลอดภัย การป้องกันอุบัติเหตุทางถนนสำหรับเด็กไทย การควบคุมพฤติกรรมดื่มขับ และการจัดการเครือข่ายนักกู้ชีพกู้ภัยเพื่อสาธารณะ
ข้อเสนอเชิงนโยบายต่างๆ เพื่อให้มีผลสัมฤทธิ์และความเป็นไปได้ในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ข้อเสนอเหล่านี้สรุปได้ดังนี้
¬การลงทุนด้านกลไกระดับพื้นที่: การปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบเพื่อให้ท้องถิ่นสามารถจัดการด้านความปลอดภัยทางถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การกำหนดระเบียบหน้าที่บทบาทท้องถิ่นที่ชัดเจนและการลงทุนในระบบสนับสนุนกลไกจัดการระดับพื้นที่ เพื่อพัฒนาทีมอนุกรรมการและการจัดการข้อมูลในระดับจังหวัดและอำเภอ โดยมีการจัดทำแผนบูรณาการ งบประมาณเพื่อการบูรณาการข้อมูล แผนปฏิบัติการประเมินผล และระบบกำกับติดตามจากศูนย์ปฏิบัติการแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง
¬การลงทุนด้านถนนปลอดภัย: การลงทุนในกระบวนการตรวจสอบความปลอดภัยทางถนนที่เป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการนำต้นแบบการจัดการจุดเสี่ยงระดับท้องถิ่นมาใช้ในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงการกำหนดความเร็วจำกัดในเขตเมืองโดยมีศูนย์ปฏิบัติการถนนและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อขยายผลต้นแบบการจัดการความเร็วเขตเมือง
¬การลงทุนด้านยานพาหนะปลอดภัย: การใช้เทคโนโลยีการผลิตยุคใหม่เพื่อความปลอดภัยทางถนน เช่น การผลักดันกฎระเบียบเพื่อให้ยานพาหนะบนท้องถนนไทยมีการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัย และการจัดการปัญหารถรับส่งนักเรียนในพื้นที่โดยการกำหนดเป้าหมายและการจัดการรถตู้รับส่งนักเรียนที่มีการขึ้นทะเบียนและการประกันภัยในระดับเทียบเท่ารถโดยสารสาธารณะ
¬การลงทุนเด็กไทยปลอดภัย:กระทรวงศึกษาธิการมุ่งสนับสนุนให้สถานศึกษาในสังกัดมีการจัดการข้อมูลจากระบบที่มีอยู่เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงและการปรับปรุงนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความปลอดภัยทางถนน โดยมีการสนับสนุนให้ศูนย์ปฏิบัติการถนนระดับจังหวัดร่วมมือกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและภาคีเครือข่ายระดับพื้นที่ในการวิเคราะห์และการสื่อสารข้อมูล
¬กฎหมายและการบังคับใช้: มีการสร้างฐานข้อมูลผู้กระทำความผิดโดยเฉพาะคดีขับขี่เมาแล้วขับ และมีการกำหนดให้สัดส่วนผู้ถูกคุมประพฤติซ้ำเท่ากับ 0 เป็นตัวชี้วัด
ที่มา:รายงานฉบับสมบูรณ์ผลการประเมินความพึงพอใจงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 13 “ลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน” เสนอศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) จัดทำโดย บริษัท ซูเปอร์โพล จำกัด (ธันวาคม 2560)
+ 5) งานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 14 “เดิน ขี่ ขับ ไป-กลับปลอดภัย”
5) การสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 14 “เดิน ขี่ ขับ ไป-กลับปลอดภัย” มีเนื้อหาสำคัญดังนี้
¬The New VRU (Vulnerable Road Users): การสร้างภาพใหม่ให้คนเดินและคนขับรถจักรยานได้เดินทางอย่างปลอดภัยและมีความเข็มข้น เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้ถนนที่เป็น VRU
¬D-RTI (District Road Traffic Injury): กลไกการจัดการถอดบทเรียน D-RTI หรือการจัดการอุบัติเหตุทางถนนในระดับเขตเทศบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้และน่าสนใจ
¬ถนนปลอดภัย ใส่ใจ VRUs: การเสนอแนะและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกบนถนนเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนที่เป็น VRUs ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
¬เสียงสะท้อนจาก VRUs: การสร้างสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ใช้ถนนที่เป็น VRUs
¬จักรยานยนต์ปลอดภัย: การพัฒนาระบบ ABS และเชื่อมโยงเส้นทางของจักรยานยนต์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่
¬รถรับ-ส่งนักเรียนที่ปลอดภัย: การสร้างระบบรถรับ-ส่งนักเรียนที่มั่นคงและปลอดภัย
¬เสริมพลังคนทำงานกลไกการจัดการระดับพื้นที่: การส่งเสริมและเพิ่มพลังให้กับกลไกการจัดการความปลอดภัยในระดับพื้นที่
¬สถานศึกษาต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนนและมาตรการองค์กร: การสร้างและพัฒนาสถานศึกษาและองค์กรต้นแบบที่เน้นความปลอดภัยทางถนน
¬ก้าวใหม่กลไกจัดการระดับพื้นที่: การพัฒนากลไกการจัดการระดับพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
¬การพัฒนาระบบการจัดการความปลอดภัยทางถนนในสถานประกอบการ: การพัฒนาระบบให้มีการจัดการความปลอดภัยที่ดีขึ้นในสถานประกอบการ
¬เส้นทางสู่อนาคตที่ปลอดภัยของเด็กและเยาวชน: การวางแผนเพื่อสร้างสถานการณ์ที่เด็กและเยาวชนสามารถใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย
¬เทคโนโลยีการลงทุนที่ไม่สูญเปล่า Safety Visibility: การใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ถนน
¬Smart Investment: การลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและฉลาดเพื่อการปรับปรุงความปลอดภัยทางถนน
¬Smart Road User: การสร้างมาตรฐานและการส่งเสริมให้ผู้ใช้ถนนเป็นผู้ใช้ถนนที่ฉลาดและปลอดภัย
¬บทเรียนทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน From Decade of Action for RS. To SDG’s 2030
ข้อเสนอเบื้องต้นจากประเด็นดังกล่าว อาทิ
¬การพัฒนาคณะทำงานระดับพื้นที่: ควรมีแผนพัฒนาคณะทำงานระดับพื้นที่ให้สามารถนำเสนอและดำเนินการไปสู่เป้าหมายของระดับตำบลและชุมชนปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการสนับสนุนงบประมาณจากศูนย์ระดับกลางเพื่อการบูรณาการที่มีประสิทธิภาพตลอดทั้งปี
¬เร่งรัดมาตรฐานความปลอดภัยทางถนน: การทำให้ถนนทุกสายผ่านการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยทางถนนระดับ 3 ดาว (iRAP) เฉพาะในส่วนของความปลอดภัยของกลุ่มผู้ใช้ถนนที่เป็น VRUs และการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่มีการตรวจสอบความปลอดภัยทางถนน (Road Safety Audit) โดยมีการสนับสนุนจากกระทรวงคมนาคมและระดับท้องถิ่น
¬การปรับปรุงระบบรถรับส่งนักเรียน: การให้ความสำคัญกับการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมถึงการกำหนดเส้นทางและมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการเดินทางของโรงเรียนในสังกัด
¬มาตรฐานความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์: การกำหนดให้รถจักรยานยนต์ใหม่ทุกคันต้องติดตั้งอุปกรณ์เทคโนโลยีมาตรฐานความปลอดภัย เช่น ระบบ ABS และมีช่องทางสะพานหรือลอดทางสำหรับรถจักรยานยนต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
¬เพิ่มโทษผู้ขับขี่: เร่งเพิ่มความรุนแรงในการบังคับใช้กฎหมายในกรณีที่มีการไม่หยุดให้ผู้คนข้ามถนน
ใช้ทางม้าลาย และให้กระบวนการยุติธรรมมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
¬พัฒนาระบบความปลอดภัยของรถขนส่ง: การใช้แนวความปลอดภัยของการขนส่ง (TSM) และมาตรฐาน ISO 39001 เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในการขนส่ง รวมถึงการพัฒนาความรู้และการอบรมให้กับ TSM และเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (จป.)
ที่มา: หนังสือ “สัมมนาวิชาการระดับชาติความปลอดภัยทางถนนครั้งที่ 14 เดิน ขี่ ขับ ไป-กลับปลอดภัย” จัดทำและเผยแพร่โดยศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย สนับสนุนโดย สสส. (ไม่ระบุปีที่พิมพ์)
+ 6) งานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 15 “ทศวรรษใหม่ วิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน”
6) การสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 15 “ทศวรรษใหม่ วิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน” ที่จัดขึ้นเน้นไปที่หลายมิติของการปรับปรุงความปลอดภัยทางถนนดังนี้:
¬นโยบายการวิจัยเพื่อความปลอดภัยทางถนน: การสนับสนุนการวิจัยที่เน้นการพัฒนาวิธีและเครื่องมือใหม่เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย
¬บทบาทของสังคมในความรับผิดชอบร่วมกัน: เน้นความรับผิดชอบร่วมกันของสังคมในการรักษาความปลอดภัยทางถนน
¬การเป้าหมายและแผนแม่บทในการสร้างความปลอดภัยทางถนน: การกำหนดเป้าหมายและแผนแม่บทที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทย
¬วิถีใหม่สู่ระบบแห่งความปลอดภัย: การพัฒนาระบบที่มุ่งเน้นการปรับปรุงความปลอดภัยทางถนนที่มีผลต่อทุกระดับของสังคม
¬พลังคนรุ่นใหม่ในการลดการเจ็บตายจากอุบัติเหตุทางถนน: เน้นการสร้างการเข้าใจและการกระทำที่เป็นประโยชน์ในการลดอุบัติเหตุทางถนนโดยนำเสนอแนวทางการปฏิบัติของคนรุ่นใหม่
ข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนเชิงนโยบายและการศึกษาวิจัยเพื่อความปลอดภัยทางถนนเน้นไปที่หลายมิติของการปรับปรุงความปลอดภัยทางถนน ดังนี้
¬ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน: ส่งเสริมให้เกิดการสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยเพิ่มการศึกษาเรื่องนิเวศน์การสัญจรของเมืองและเปิดเผยข้อมูลของแต่ละหน่วยงานเพื่อให้การจัดการมีประสิทธิภาพ และกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณและการลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนน
¬การลดการใช้รถจักรยานยนต์: พัฒนาระบบขนส่งมวลชนและโครงข่ายการเดินทางให้ครอบคลุมทุกพื้นที่และมีประเภทการเดินทางที่หลากหลายและเข้าถึงได้สะดวก
¬การจัดการความปลอดภัยในสถานศึกษา: สนับสนุนให้มีการจัดการเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนนในสถานศึกษาครอบคลุมทุกช่วงวัย เพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่การทำใบขับขี่
¬การจัดการข้อมูลของกรมสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง: พัฒนาระบบฐานข้อมูล
และการจัดการข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ เพื่อใช้ในการจัดการความเสี่ยง
¬การออกกฎหมายรับรองและมาตรฐานความปลอดภัย: กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานของกลุ่มรถจักรยานยนต์รับส่งอาหารและส่งของ เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน
¬การศึกษาและวางแนวทางการจัดลำดับชั้นถนน: การจัดการความเร็วของถนนที่วิ่งผ่านชุมชน รวมทั้งการศึกษาแนวทางการส่งเสริมให้มี Active Safety ของยานพาหนะที่เพิ่มขึ้น
ทั้งหมดนี้เป็นมาตรการที่มุ่งเน้นที่การป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนอย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติของสังคมและระบบขนส่งในประเทศไทย
ที่มา:เอกสารงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 15 “ทศวรรษใหม่ วิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน” วันที่ 25-26 พฤษภาคม 2565 ณ หอประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทราบายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์แจ้งวัฒนะ จัดทำและเผยแพร่โดย ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย (มนป.)
3.5 องค์ความรู้เชิงประเด็นการจัดการอุบัติเหตุในท้องถิ่นและชุมชน แบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix)
+ 1.การจัดการเชิงระบบกลไก
1.1 ข้อมูลสนับสนุนด้านนโยบาย
1.1 ข้อมูลสนับสนุนด้านนโยบาย
(1) ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พ.ศ.2554
(2) ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการส่งเสริมให้ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่นและองค์กรมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ พ.ศ.2551
(3) พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522
(4) แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2561-2564
(5) แนวทางการบริหารจัดการความเร็วในพื้นที่ชุมชน
(6) คำสั่งแต่งตั้งคณะอุนกรรมการแก้ไขปัญหาจุดตัดรถไฟระดับจังหวัด
1.2 ความรู้การจัดการจุดเสี่ยงในชุมชน
1.2 ความรู้การจัดการจุดเสี่ยงในชุมชน
(1) คู่มือการจัดการจุดเสี่ยงทางถนนในชุมชน แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
(2) คู่มือการออกแบบทางข้ามที่ปอดภัย แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
(3) คู่มือการจัดการความเร็ว แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
(4) จุดตัดรถไฟแบบไม่มีเครื่องกั้น แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
(5) ทางแยกชุมชนถนนปลอดภัย แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
(6) พลังชุมชนถนนปลอดภัย แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
(7) การจัดการความเร็ว แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
(8) มาตรการทางด้านวิศวกรรมสำหรับถนนในชุมชน แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
1.3 สร้างกลไก ศปถ.จังหวัด อำเภอ ตำบล
1.3 สร้างกลไก ศปถ.จังหวัด อำเภอ ตำบล
(1) ข้อมูลความรู้ที่สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้ง 3 ระดับ
¬การจัดการข้อมูล ศปถ. 3 ระดับ แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬กลไก ศปถ. 3 ระดับ แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬การพัฒนากลไก 3 ระดับ แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬เครื่องมือ 5 ชิ้นเคลื่อนกลไก ศปถ. แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬เกมการ์ด ไพ่ปัจจัยกำหนดสุขภาพ แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬นาทีฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ การเชื่อมโยงข้อมูล แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
(2) ข้อมูลความรู้สำหรับ ศปถ.จังหวัด
¬แบบประเมินตนเอง ศปถ.จังหวัด แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬การพัฒนากลไกการจัดการ ศปถ.จ.นครศรีธรรมราช แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬การพัฒนากลไกการจัดการ ศปถ.จ.อุดรธานี แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬Best Practice การจัดการอุบัติเหตุระดับจังหวัด แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
¬แนวทางการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนน นวัตกรรม แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
¬ถอดบทเรียนระดับจังหวัด แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
¬สรุปบทเรียนพลังภาคี 41 พื้นที่ แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
¬สรุปผลงาน 65 โครงการ แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
(3) ข้อมูลความรู้สำหรับ ศปถ.อำเภอ
¬คู่มือการพัฒนากลไก ศปถ.อำเภอ แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬แบบประเมินตนเอง ศปถ.อำเภอ แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬คู่มือนายอำเภอ แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬การพัฒนากลไก ศปถ.อำเภอฉวาง จ.นครศรีฯ แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬การพัฒนากลไกการจัดการ ศปถ.อำเภอแก่งคอย จ.สระบุรี แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬บทเรียนการพัฒนากลไก ศปถ.อำเภอ แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬ถอดบทเรียน 33 อำเภอ ปภ.สาขา แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
¬บทเรียนการรวมพลังเคลื่อนกลไกจังหวัดสู่อำเภอ แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
¬สรุปบทเรียนกลไก จังหวัดสู่อำเภอ แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
¬การสั้งต้นกลไก ศปถ.อำเภอ แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
(4) ข้อมูลความรู้สำหรับ ศปถ.อปท.
¬คู่มือการจัดการท้องถิ่นชุมชนถนนปลอดภัย แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬การพัฒนากลไกการจัดการ ศปถ.อปท.โมคลาน แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬การพัฒนากลไกการจัดการ ศปถ.อปท.ห้วยยาง แหล่งข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
¬การขับเคลื่อนพลังท้องถิ่น เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
¬กองร้อยน้ำหวาน แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
¬ชุดความรู้กองร้อยจิตอาสาเพื่อชุมชน แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
¬ท่าชักโมเดล แหล่งข้อมูลแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.)
+ 2.จัดการพฤติกรรมเสี่ยง
2.1 ขับขี่มอเตอร์ไซค์
2.1 ขับขี่มอเตอร์ไซค์
¬กรอบการสังเคราะห์ Matrix แผนแม่บท การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์
¬ความสูญเสียจาก MC ศวปถ.
¬Factsheet ความเข้าใจในการดัดแปลงสภาพรถ ศวปถ.
¬ถอดบทเรียน ภาค 8 หมวกนิรภัย สอจร.
¬ถอดบทเรียนหมวกนิรภัย จังหวัดนครศรีธรรมราช สอจร.
¬คู่มือการพัฒนาอัตลักษณ์ความปลอดภัยในกลุ่มเยาวชน
¬ชุดความรู้การบาดเจ็บจากการใช้ MC ในเด็กภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
¬สรุปเวทีเสวนา “มอไซค์วัยละอ่อน ของขวัญหรือมัจจุราช”
¬การศึกษาผลของลักษณะการนั่ง MC เด็กต่อความรุนแรงของการบาดเจ็บที่เกิดจากการชนของมอเตอร์ไซค์
¬เล่นสู่เรียนปลูกจิตสำนึกความปลอดภัยทางถนน
¬คู่มือการตรวจสอบความปลอดภัยทางถนนสำหรับรถจักรยานยนต์ในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
¬บทเรียนและการส่งเสริมการบังคับใช้หมวกนิรภัย 100%
¬คู่มือความปลอดภัยทางถนนสำหรับผู้กำหนดนโยบายและผู้ปฏิบัติ
¬การศึกษาแนวทางด้านความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์
2.2 จัดการความเร็ว
2.2 จัดการความเร็ว
¬กรอบการสังเคราะห์ Matrix แผนแม่บท การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงการจัดการความเร็ว
¬การประเมินประสิทธิผลของโครงการกำหนความเร็วของยานพาหนะที่ขับขี่ในพื้นที่กำหนดความเร็ว
¬ห่วงโซ่ผลลัพธ์ประเด็นการขับเร็ว ศวป.
¬การจัดการความเร็วเพื่อความปลอดภัยทางถนนสำหรับประเทศไทย ทิศทางและความท้าทายในครึ่งศตวรรษถัดไป
¬แผ่นพับ ยิ่งขับเร็ว ยิ่งไม่เห็นด้านข้าง
¬การศึกษาความสัมพันธ์และคาดการณ์ระหว่างความเร็วและอุบัติเหตุสำหรับทางด่วนและมอเตอร์เวย์ในประเทศไทย
¬การศึกษาการวางแผนและดำเนินการระบบตรวจจับความเร็วอัตโนมัติในประเทศไทย
¬การสำรวจพฤติกรรมการใช้ความเร็วบริเวณทางข้าม “ทางม้าลาย”
¬อย่าเสี่ยงกับความเร็ว สสส.
2.3 เสี่ยงในกลุ่มยาวชน
2.3 เสี่ยงในกลุ่มยาวชน
การจัดการความเสี่ยงกลุ่มเยาวชนและประชาชนทั่วไปในแม่บทความปลอดภัยทางถนนฉบับที่ 5 (พ.ศ.2565-2570) เน้นไปที่การเรียนรู้และการจัดการความเสี่ยงในกลุ่มเยาวชน และประชาชนทั่วไปที่มีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุทางถนน เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยเช่นการเมาแล้วขับขี่ การขับเร็วเกิน
กำหนด การไม่สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่ หรือการใช้รถสาธารณะที่ไม่ปลอดภัย เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในกลุ่มนี้
การจัดการความเสี่ยงจึงต้องใช้ชุดความรู้หลายชุดและต้องปรับเปลี่ยนการจัดการตามช่วงอายุของกลุ่มเสี่ยง เช่น การสร้างโครงสร้างการเรียนรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติทางถนนที่ปลอดภัยในโรงเรียน การให้ความรู้ผ่านช่องทางสื่อสารที่เป็นไปได้ เช่น โซเชียลมีเดียหรือแคมเปญสื่อสารทางการจราจร และการจัดการโครงการหรือกิจกรรมที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างการเรียนรู้และเปลี่ยนพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนให้เป็นปฏิบัติที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในอนาคต
2.4 เมาแล้วขับ
2.4 เมาแล้วขับ
¬กรอบการสังเคราะห์ Matrix แผนแม่บท การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงเมาแล้วขับ
¬โครงการประเมินมาตรการการตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ที่ประสบอุบัติเหตุในจังหวัดอุดรธานีและระดับประเทศ
¬สานพลังประชารัฐ ภูเก็ตขับเคลื่อนดื่มไม่ขับ
¬แผ่นพับเมาไม่ขับเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน
¬แผ่นพับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์
¬ดื่มแล้วขับต้องโดนปรับอย่างไร สสส.
¬การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อประเด็น “ดื่มแล้วขับ” ที่กระทำผิดซ้ำ
¬เมาแล้วขับ ศวปถ.
¬การบังคับใช้กฎหมายกรณีเมาแล้วขับในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ เวียดนาม สิงค์โปร์และไทย
¬การพัฒนาความมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาเมาแล้วขับ จังหวัดภูเก็ต
¬การศึกษาแนวทางการพัฒนาหลักสูตรอบรมเพื่อฟื้นฟูและปรับพฤติกรรมผู้กระทำผิด กรณีเมาแล้วขับ
¬ดื่มแล้วขับ ศาลไทย
¬มาตรการตั้งจุดตรวจลมหายใจวัดระดับแอลกอฮอล์ แบบสุ่ม
¬วิเคราะห์สถานการณ์และแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนประเด็น “ดื่มไม่ขับ
2.5 กลุ่มเปราะบาง
2.5 กลุ่มเปราะบาง
¬กรอบการสังเคราะห์ Matrix แผนแม่บท การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงกลุ่มเปราะบาง
¬โครงการจัดทำชุดคู่มือเสริมสร้างความปลอดภัยของคนเดินเท้า
¬กลุ่มเปราะบางบนถนน
¬การศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ในการผลักดันให้เกิดความปลอดภัยทางถนนเพื่อส่งเสริมการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน กรณีศึกษา อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
+ 3.Setting
3.1 สถานศึกษา
3.1 สถานศึกษา
กลุ่มคู่มือรถนักเรียน
¬แบบบันทึกการตรวจสอบรถที่ใช้ในการรับส่งนักเรียน
¬แบบสอบถามผู้ประกอบการรถรับส่งนักเรียน
¬ใบรายชื่อนักเรียนที่รับ - ส่ง
¬ใบสมัครสมาชิกชมรมรถรับส่งนักเรียนและเครือข่ายรถรับส่งนักเรียน
¬ร่างคู่มือ เครือข่ายรถรับส่งนักเรียน (ฉบับปรับปรุง 1/2561)
¬ร่างคู่มือ โรงเรียน (ฉบับปรับปรุง 1/2561)
¬ร่างคู่มือ หน้าที่ของผู้ขับรถรับส่งนักเรียน (ฉบับปรับปรุง 1/2561)
¬ร่างคู่มือ ครูที่ดูแลรถรับส่งนักเรียน (ฉบับปรับปรุง 1/2561)
¬ร่างคู่มือ ชมรมรถรับส่งนักเรียน (ฉบับปรับปรุง 1/2561 )
¬ร่างคู่มือ นักเรียนที่ใช้บริการรถรับส่งนักเรียน และผู้ปกครอง (ฉบับปรังปรุง 1/2561)
¬ร่างคู่มือ การปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้านักเรียนประจำรถและผู้ช่วย (ฉบับปรับปรุง 1/2561 )
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงของกลุ่มเด็กเล็ก (ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก)
¬เส้นทางสู่ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนน”
¬“ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบ” สู่โรงเรียนปลอดภัยทางถนน
¬หนังสือปลูกจิตสำนึก “เมล็ดพันธ์แห่งความปลอดภัยทางถนน”
¬“ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบ” ในการจัดการความปลอดภัยทางถนน
¬การจัดการความปลอดภัย สำหรับเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) ความปลอดภัยในการใช้จักรยานยนต์ และการสวมหมวกนิรภัยในกลุ่มเยาวชน
¬คู่มือพัฒนาอัตลักษณ์ผู้นำความปลอดภัยในกลุ่มเยาวชน
¬โครงการศึกษาและพัฒนาแนวทางการสร้างเสริมความปลอดภัยสำหรับเด็กนักเรียน
¬แผนบูรณาการการจัดการเรียนรู้ตามโครงการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย
¬ชุดความรู้การบาดเจ็บจากการใช้รถจักรยานยนต์ในเด็ก ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
¬เวทีเสวนา “มอเตอร์ไซค์วัยละอ่อน ของขวัญหรือมัจจุราช
¬จากเล่น สู่เรียนรู้ ปลูกจิตสำนึกความปลอดภัยทางถนน
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) การจัดการความปลอดภัยในรถนักเรียน
¬คู่มือการจัดการรถรับ-ส่งนักเรียนที่ปลอดภัย
¬คู่มือแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดการจราจร กรณีรถรับ-ส่งนักเรียน
¬โครงการศึกษาแนวทางการจัดงบประมาณเพื่อการจัดการรถรับ-ส่งนักเรียนที่ปลอดภัย
¬การศึกษาแนวทางการออกแบบเชิงวิศวกรรมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของรถสองแถวรับส่งนักเรียน
3.2 สถานประกอบการ
3.2 สถานประกอบการ
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) สถานประกอบการ
¬คู่มือการจัดการความปลอดภัยทางถนน สำหรับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพในสถานประกอบกิจการ
¬แนวคิดและบทเรียนมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน
¬สถานการณ์และระบบมาตรฐานความปลอดภัยในรถรับส่งพนักงาน
¬บทสรุปสำหรับผู้บริหาร มาตรการองค์กร:อีกหนึ่งทางเลือก ที่จะสร้างทางรอดให้คนไทยพื้นทุกข์ที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนน
¬บทสรุปสำหรับผู้บริหาร สิ่งที่ได้เรียนรู้จากมาตรการองค์กร เพื่อความปลอดภัยทางถนน
¬ถอดบทเรียนโครงการสานพลังสร้างมาตรการองค์กร เพื่อความปลอดภัยทางถนน
¬ “สิ่งที่ได้เรียนรู้” จากมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน
¬มาตรฐานองค์กร นิคมต้นแบบ สอจร.
3.3 แรงงานนอกระบบ
3.3 แรงงานนอกระบบ
คำอธิบายแรงงานนอกระบบ
จัดทำแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน ฉบับที่ 5 พ.ศ.2565-2570
แรงงานนอกระบบ ไม่มีข้อมูล
+ 4.ลักษณะการใช้งาน
4.1 MCกับหมวกนิรภัย ความปลอดภัยในเยาวชน
4.1 MCกับหมวกนิรภัย ความปลอดภัยในเยาวชน
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชน หมวกนิรภัย จักรยานยนต์ และอื่นๆ
¬คู่มือพัฒนาอัตลักษณ์ผู้นำความปลอดภัยในกลุ่มเยาวชน
¬โครงการศึกษาและพัฒนาแนวทางการสร้างเสริมความปลอดภัยในการเดินทางสำหรับเด็กนักเรียน
¬แผนบูรณาการ การจัดการเรียนรู้ตามโครงการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย
¬โครงการจัดทำชุดความรู้การบาดเจ็บจากการใช้รถจักรยานยนต์ในเด็ก ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
¬เวทีเสวนา “มอเตอร์ไซค์วัยละอ่อน ของขวัญหรือมัจจุราช
¬การศึกษาผลของลักษณะการนั่งมอเตอร์ไซค์เด็กต่อความรุนแรงของการบาดเจ็บที่เกิดจากการชนของมอเตอร์ไซค์
¬จากเล่น สู่เรียนรู้ ปลูกจิตสำนึกความปลอดภัยทางถนน
4.2 การจัดการในศพด.
4.2 การจัดการในศพด.
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงของกลุ่มเด็กเล็ก (ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก)
¬เส้นทางสู่ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนน”
¬“ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบ” สู่โรงเรียนปลอดภัยทางถนน
¬หนังสือปลูกจิตสำนึก “เมล็ดพันธ์แห่งความปลอดภัยทางถนน”
¬“ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบ” ในการจัดการความปลอดภัยทางถนน
¬การจัดการความปลอดภัย สำหรับเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี
4.3 MCกับหมวกนิรภัยในกลุ่มทั่วไป
4.3 MCกับหมวกนิรภัยในกลุ่มทั่วไป
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงของประชาชนทั่วไปหมวกนิรภัย จักรยานยนต์ และอื่นๆ
¬การพัฒนากลไกการตรวจสอบ ความปลอดภัยทางถนนสำหรับรถจักรยานยนต์ ในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
¬บทเรียนการส่งเสริมและบังคับใช้กฎหมายหมวกนิรภัย 100%
¬การศึกษาแนวทางงานวิจัยด้านความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์
¬เรื่องเล่า ความสูญเสียจากรถจักรยานยนต์
¬Factsheet ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดัดแปลงสภาพรถ
¬ถอดบทเรียนการบังคับใช้กฎหมายหมวกนิรภัย ตำรวจภูธร ภาค 8
¬ถอดบทเรียนหมวกนิรภัย จังหวัดนครศรีธรรมราช
4.4 เมาแล้วขับ
4.4 เมาแล้วขับ
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงเมาแล้วขับ
¬แผ่นพับเมาไม่ขับเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน
¬แผ่นพับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์
¬สานพลังประชารัฐ ภูเก็ตขับเคลื่อนดื่มไม่ขับ
¬โครงการประเมินมาตรการการตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ที่ประสบอุบัติเหตุในจังหวัดอุดรธานีและระดับประเทศ
¬วิเคราะห์สถานการณ์และแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนประเด็น “ดื่มไม่ขับ
¬มาตรการตั้งจุดตรวจลมหายใจวัดระดับแอลกอฮอล์ แบบสุ่ม
¬ดื่มแล้วขับต้องโดนปรับอย่างไร สสส.
¬ดื่มแล้วขับ ศาลไทย
¬การพัฒนาความมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาเมาแล้วขับ จังหวัดภูเก็ต
¬การบังคับใช้กฎหมายกรณีเมาแล้วขับในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ เวียดนาม สิงค์โปร์และไทย
¬เมาแล้วขับ ศวปถ.
¬การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อประเด็น “ดื่มแล้วขับ” ที่กระทำผิดซ้ำ
¬โครงการประเมินมาตรการการตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ที่ประสบอุบัติเหตุในจังหวัดอุดรธานีและระดับประเทศ
4.5 การจัดการความเร็ว
4.5 การจัดการความเร็ว
¬กรอบการสังเคราะห์ Matrix แผนแม่บท การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงการจัดการความเร็ว
¬ห่วงโซ่ผลลัพธ์ประเด็นการขับเร็ว ศวป.
¬การจัดการความเร็วเพื่อความปลอดภัยทางถนนสำหรับประเทศไทย ทิศทางและความท้าทายในครึ่งศตวรรษถัดไป
¬แผ่นพับ ยิ่งขับเร็ว ยิ่งไม่เห็นด้านข้าง
¬การศึกษาการวางแผนและดำเนินการระบบตรวจจับความเร็วอัตโนมัติในประเทศไทย
¬การสำรวจพฤติกรรมการใช้ความเร็วบริเวณทางข้าม “ทางม้าลาย”
¬อย่าเสี่ยงกับความเร็ว สสส.
4.6 มาตรการองค์กร
4.6 มาตรการองค์กร
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) สถานประกอบการ
¬แนวคิดและบทเรียนมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน
¬สถานการณ์และระบบมาตรฐานความปลอดภัยในรถรับส่งพนักงาน
¬บทสรุปสำหรับผู้บริหาร มาตรการองค์กร:อีกหนึ่งทางเลือก ที่จะสร้างทางรอดให้คนไทยพื้นทุกข์ที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนน
¬บทสรุปสำหรับผู้บริหาร สิ่งที่ได้เรียนรู้จากมาตรการองค์กร เพื่อความปลอดภัยทางถนน
¬ถอดบทเรียนโครงการสานพลังสร้างมาตรการองค์กร เพื่อความปลอดภัยทางถนน
¬ “สิ่งที่ได้เรียนรู้” จากมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน
¬มาตรฐานองค์กร นิคมต้นแบบ สอจร.
4.7 รถโดยสารสาธารณะ
4.7 รถโดยสารสาธารณะ
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) การจัดการรถโดยสารสาธารณะ
¬การประเมินคุณภาพการให้บริการและความปลอดภัยของระบบรถโดยสารสาธารณะ
¬สถานการณ์อุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะ ปี 2561
¬มาตรฐานด้านความปลอดภัยของรถในระบบรถโดยสารประจำทาง:การกำหนดมาตรฐานการบังคับใช้และการตรวจสอบ
¬มาตรฐานความปลอดภัยรถตู้โดยสารสาธารณะประจำทาง
¬คู่มือนักสืบอุบัติเหตุรถโดยสารขนาดใหญ่
¬คู่มือสิทธิผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ
¬การพิจารณาความปลอดภัยของรถตู้โดยสาร
¬เมื่อเกิดอุบัติเหตุกับรถโดยสารสาธารณะ
¬ปัญหา 2 ชั้น มาตรฐานรถโดยสาร แก้ได้-ลดความสูญเสีย
¬ผู้โดยสารรถโดยสารสาธารณะมีหลักประกันอะไร เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
4.8 รถนักเรียน
4.8 รถนักเรียน
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) การจัดการพฤติกรรมเสี่ยง สนับสนุนรถนักเรียน
คู่มือรถนักเรียน
¬แบบบันทึกการตรวจสอบรถที่ใช้ในการรับส่งนักเรียน
¬แบบสอบถามผู้ประกอบการรถรับส่งนักเรียน
¬ใบรายชื่อนักเรียนที่รับ - ส่ง
¬ใบสมัครสมาชิกชมรมรถรับส่งนักเรียนและเครือข่ายรถรับส่งนักเรียน
¬ร่างคู่มือ เครือข่ายรถรับส่งนักเรียน (ฉบับปรับปรุง 1/2561)
¬ร่างคู่มือ โรงเรียน (ฉบับปรับปรุง 1/2561)
¬ร่างคู่มือ หน้าที่ของผู้ขับรถรับส่งนักเรียน (ฉบับปรับปรุง 1/2561)
¬ร่างคู่มือ ครูที่ดูแลรถรับส่งนักเรียน (ฉบับปรับปรุง 1/2561)
¬ร่างคู่มือ ชมรมรถรับส่งนักเรียน (ฉบับปรับปรุง 1/2561 )
¬ร่างคู่มือ นักเรียนที่ใช้บริการรถรับส่งนักเรียน และผู้ปกครอง (ฉบับปรังปรุง 1/2561)
¬ร่างคู่มือ การปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้านักเรียนประจำรถและผู้ช่วย (ฉบับปรับปรุง 1/2561 )
¬คู่มือการจัดการรถรับ-ส่งนักเรียนที่ปลอดภัย
¬คู่มือแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดการจราจร กรณีรถรับ-ส่งนักเรียน
¬โครงการศึกษาแนวทางการจัดงบประมาณเพื่อการจัดการรถรับ-ส่งนักเรียนที่ปลอดภัย
¬การศึกษาแนวทางการออกแบบเชิงวิศวกรรมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของรถสองแถวรับส่งนักเรียน
4.9 อื่นๆ
1. 5 ส. 5 ช.
1. 5 ส. 5 ช.
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงโดยใช้แนวคิด 5 ส.5ช.
¬องค์ความรู้การพัฒนากลไกการดำเนินงาน การจัดการความปลอดภัยทางถนน ด้วย 5 ส.5ช.
¬คู่มือพี่เลี้ยง สอจร. เล่ม 1
¬คู่มือพี่เลี้ยง สอจร. เล่ม 2
2.ใบขับขี่
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) ใบขับขี่เพื่อการจัดการพฤติกรรมเสี่ยง
¬แรงงานต่างด้าว การออใบอนุญาตขับขี่
¬โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาระบบออกใบอนุญาตขับขี่ให้เหมาะสมกับประเทศไทย
3.การใช้จักรยาน
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงส่งเสริมการใช้รถจักรยาน
¬การศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ในการผลักดันให้เกิดความปลอดภัยทางถนน เพื่อส่งเสริมการใช้จักรยายในชีวิตประจำวัน อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
4.คนเดินเท้า
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงเพื่อกลุ่มคนเปราะบาง
¬โครงการจัดทำชุดคู่มือเสริมสร้างความปลอดภัยของคนเดินเท้า
¬กลุ่มเปราะบางบนถนน
5.สนับสนุนการทำงานของตำรวจ
¬กรอบการสังเคราะห์การจัดทำข้อมูลเชิงประเด็นแบ่งตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix) การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงเพื่อสนับสนุนการทำงานของตำรวจจราจร
¬โครงการวิจัยและพัฒนามาตรการและโปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อตรวจจับการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร
--------------
อ้างอิง
สุจิตราภรณ์ คำสอาด.(2566). รายงานผลการดำเนินงานการประมวลองค์ความรู้สุขภาวะเชิงประเด็น “ลดอัตราการตายจากอุบัติเหตุทางถนน”อย่างเป็นระบบ (Systematic Review).สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเพลินพาดี ภายใต้โครงการทบทวนและประมวลองค์ความรู้สุขภาวะเชิงประเด็นเพื่อสนับสนุนการสื่อสารและขยายผล ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
วาสุกาญจน์ ฉิมสุข.(2566). รายงานฉบับสมบูรณ์การประมวลองค์ความรู้สุขภาวะเชิงประเด็นการจัดการ
อุบัติเหตุในท้องถิ่นและชุมชน ตามกลุ่มเป้าหมาย (Matrix).สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุน
สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเพลินพาดี ภายใต้โครงการทบทวนและประมวล
องค์ความรู้สุขภาวะเชิงประเด็นเพื่อสนับสนุนการสื่อสารและขยายผล ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
0 ถูกใจ 778 การเข้าชม
งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ
งานบทความที่เกี่ยวข้อง
เข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น
ความคิดเห็น 0