1

0

บทนำ

Highlight

การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะการทำงานของสมองเสื่อมถอยลง (Cognitive decline) รวมถึงภาวะสมองเสื่อม จากการศึกษาพบว่า ภาวะการทำงานของสมองเสื่อมถอยลง พบได้เกือบสองเท่าในผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง เมื่อเทียบกับผู้ที่มีกิจวัตรที่คล่องแคล่วหรือมักเคลื่อนไหวร่างกายเสมอ

ผู้ใหญ่ต้องออกกำลังกายแบบเข้มข้นปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกายแบบเข้มข้นอย่างน้อย 75 นาที โดยไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในคราวเดียว ตัวอย่างเช่น กิจกรรมที่มีความเข้มข้นปานกลางอาจแบ่งออกเป็น 30 นาทีต่อวัน รวม 5 วันต่อสัปดาห์

กิจกรรมที่จะช่วยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น เช่น เปิดเพลงที่บ้านแล้วเต้น, นั่งยอง ๆ หรือเดินระหว่างช่วงคั่นเวลารายการ (โฆษณา) ขณะที่กำลังดูโทรทัศน์, ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์, ลงรถก่อนถึงหนึ่งป้ายแล้วเดินไปยังจุดหมาย ฯลฯ

การออกกำลังกายเป็นประจำดีต่อร่างกาย

การออกกำลังกายเป็นประจำดีต่อหัวใจ กล้ามเนื้อ และกระดูก แต่รู้ไหมว่ามันยังส่งผลดีต่อสมองของคุณด้วย?

การออกกำลังกายสามารถช่วยให้คุณคิด เรียนรู้ แก้ปัญหา และเพลิดเพลินไปกับความสมดุลทางอารมณ์ ช่วยเพิ่มความจำและลดความวิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า

การออกกำลังกายเป็นประจำยังช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะการทำงานของสมองเสื่อมถอยลง (Cognitive decline) รวมถึงภาวะสมองเสื่อมด้วย การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า ภาวะการทำงานของสมองเสื่อมถอยลง พบได้เกือบสองเท่าในผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง เมื่อเทียบกับผู้ที่มีกิจวัตรที่คล่องแคล่วหรือมักเคลื่อนไหวร่างกายเสมอ

การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้คุณนอนหลับและรู้สึกดีขึ้น ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งประเภทที่พบได้บ่อย และช่วยเพิ่มอายุขัยของคุณ

คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฟิตเนสเพื่อที่จะได้รับประโยชน์จากการออกกำลังกาย ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไรหรือแข็งแรงแค่ไหน การออกกำลังกายปริมาณเท่าใดก็ได้ก็สามารถช่วยได้

ควรออกกำลังกายมากน้อยแค่ไหน

ผู้ใหญ่ต้องออกกำลังกายแบบเข้มข้นปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกายแบบเข้มข้นอย่างน้อย 75 นาทีต่อสัปดาห์ ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในคราวเดียว ตัวอย่างเช่น กิจกรรมที่มีความเข้มข้นปานกลางอาจแบ่งออกเป็น 30 นาทีต่อวัน รวม 5 วันต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกาย ครั้งละน้อย ๆ รวมกัน

 

ผู้ใหญ่ทุกคนยังต้องการกิจกรรมเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์ และผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไปต้องการกิจกรรมการออกกำลังกายที่ช่วยเรื่องความสมดุลของร่างกาย เช่น ยืนขาข้างเดียว การเดินต่อส้นเท้า เป็นต้น ประมาณ 3 วันต่อสัปดาห์

 

 

 

 

 

4 กิจกรรมที่จะช่วยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น

1. เปิดเพลงที่บ้านแล้วเต้น

การบิดเนื้อบิดตัวเป็นวิธีออกกำลังกายที่สนุกสนานได้เหมือนกัน

2. หยุดพักเพื่อเคลื่อนไหว

แบ่งเวลาให้กับการออกกำลังกาย เช่น นั่งยอง ๆ หรือเดินระหว่างช่วงคั่นเวลารายการ (โฆษณา) ขณะที่คุณกำลังดูโทรทัศน์ หรือยืนบนขาข้างเดียวเพื่อพัฒนาการทรงตัว

3. เพิ่มการออกกำลังกายให้กับกิจวัตรประจำวันของคุณ

เวลาชอปปิงให้จอดรถด้านหลังลานจอดรถแล้วเดินไปที่ร้าน เมื่อถึงข้างในให้เดินรอบ ๆ บริเวณร้านก่อนจะเจอของที่ต้องการ ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์ ลงรถก่อนถึงหนึ่งป้ายแล้วเดินไปยังจุดหมายปลายทางของคุณ หากคุณเดินเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อเดินออกกำลังกายให้ถือดัมเบลยกน้ำหนักไปด้วย

4. พาสุนัขไปเดินเล่น

สุนัขเป็นเพื่อนเดินเล่นที่ดีเยี่ยมและสามารถช่วยให้คุณมีวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉงได้ การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า เจ้าของสุนัขโดยเฉลี่ยเดินมากขึ้น 22 นาทีทุกวัน เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้เลี้ยงสุนัข และคุณควรลองเดินเล่นกับสุนัขให้ไกลขึ้นอีกหน่อยก็ได้

เริ่มต้นด้วยการเขียนบันทึกกิจกรรมประจำวันของคุณเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ให้คิดถึงช่วงเวลาตลอดทั้งวันที่คุณสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ และจัดเวลาเหล่านั้นให้เป็นส่วนหนึ่งของตารางรายวันหรือรายสัปดาห์ของคุณ

บทบาทผู้ให้บริการด้านสุขภาพต่อผู้ป่วย

ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกายมากขึ้นเพื่อปรับปรุงสุขภาพของตนเอง สิ่งที่พวกเขาทำได้ คือ

• ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างการออกกำลังกายกับสุขภาพกายและสุขภาพจิต

• ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวมากขึ้นและนั่งน้อยลง เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการออกกำลังกาย

• ส่งเสริมให้ผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การออกกำลังกายได้ โดยให้ออกกำลังกายตามปกติเท่าที่ทำได้ ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมสามารถเดินไปกับผู้ดูแล แทนการเดินตามลำพัง

• ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงแหล่งข้อมูลการออกกำลังกาย

• กำหนดโปรแกรมด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพกายและใจ และอาจช่วยลดอุปสรรคสำหรับผู้สูงอายุ เช่น SilverSneakers ซึ่งเป็นโปรแกรมที่จัดขึ้นเพื่อการออกกำลังกายที่หลากหลายรูปแบบ การฝึกความแข็งแกร่งและการทรงตัว ไทเก๊ก โยคะ แอโรบิกในน้ำ และซุมบ้า รวมถึงสิทธิ์เข้าใช้สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส หรืออีกหนึ่งโปรแกรม คือ EnhanceFitness เป็นโปรแกรมการออกกำลังกายแบบกลุ่มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับโรคข้ออักเสบ เพื่อป้องกันการล้ม เพิ่มความแข็งแรง และปรับปรุงความยืดหยุ่นและสมดุลของกล้ามเนื้อ เป็นต้น

อ้างอิง

เรียบเรียงจาก:

Centers for Disease Control and Prevention, Physical Activity Boosts Brain Health, 24

February 2023, https://www.cdc.gov/nccdphp/dnpao/features/physical-activity-brain-health/index.html

งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ

แผนผังโครงสร้างระบบ (Site map)
1719481749.jpeg

Super Admin ID2

แผนผังโครงสร้างระบบ (Site map)

เยาวชนเหยื่อรายใหม่ของบุหรี่ไฟฟ้า
1708931705.jpg

Super Admin ID1

เยาวชนเหยื่อรายใหม่ของบุหรี่ไฟฟ้า

โรคซึมเศร้า ไม่ใช่แค่เราคิดไปเอง
defaultuser.png

ศศิตา ปิติพรเทพิน

โรคซึมเศร้า ไม่ใช่แค่เราคิดไปเอง

การฆ่าตัวตายในวัยรุ่น: ภัยเงียบที่เพิ่มขึ้น
1708931705.jpg

Super Admin ID1

การฆ่าตัวตายในวัยรุ่น: ภัยเงียบที่เพิ่มขึ้น

ลด ละ เลิกเหล้า ด้วยพลังของชุมชน
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ลด ละ เลิกเหล้า ด้วยพลังของชุมชน

งานบทความที่เกี่ยวข้อง

surachet@thaihealth.or.th

Highlight

• กิจกรรมทางกายคือ การทำกิจกรรมให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวและเผาผลาญพลังงาน อย่างเช่น การเดิน ปั่นจักรยาน เล่นกีฬา ฯลฯ รวมไปถึงทำกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งในวัยผู้ใหญ่ควรมีกิจกรรมทางกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์

• ในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 คนไทยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอร้อยละ 74.6 หลังการแพร่ระบาดในปี 2563 กิจกรรมทางกายลดลงเหลือร้อยละ 55.5 และปี 2564 ระดับกิจกรรมทางกายที่เพียงพอขยับขึ้นเป็นร้อยละ 63.0 อีกร้อยละ 11.6 ยังไม่สามารถฟื้นคืนกิจกรรมทางกายได้

• การเข้าถึงสวนสาธารณะ สวนหย่อม และพื้นที่สีเขียวอื่น ๆ กระตุ้นให้ผู้คนบรรลุการทำกิจกรรมทางกาย อย่างเช่น เดิน วิ่ง ขี่จักรยาน หรือเล่นกีฬา เพราะการมีพื้นที่สีเขียวช่วยให้กิจกรรมทางกายสนุกสนานยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ประชากรมีสุขภาพดี และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย

 

หากเคยสังเกต คุณเองอาจจะได้พบว่า พื้นที่สีเขียวใกล้ ๆ ตัวสามารถสร้างแรงกระตุ้นให้รู้สึกอยากออกไปทำกิจกรรมทางกายมากขึ้น และถ้ามากเพียงพอ กิจกรรมทางกายเหล่านั้นจะส่งผลดีต่อสุขภาพ

ที่ผ่านมามีหลายผลการศึกษาระบุตรงกันถึงความสัมพันธ์ของพื้นที่สีเขียวต่อสุขภาวะในเชิงบวก ทำให้หลายประเทศทั่วโลกมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนและปรับปรุงคุณภาพพื้นที่สีเขียวในเมือง ด้วยตระหนักถึงความสำคัญในฐานะที่เป็นกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ

แต่ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแต่ละเมืองต่างมีปัญหาของตัวเอง เช่น พื้นที่ไม่เพียงพอหรือพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหรือเข้าถึงได้ยาก เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของประเทศไทย