
ด้วยความเชื่อมั่นว่า ดนตรีเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ใช้สื่อสารความในใจ เพื่อเป็นช่องทางให้วัยรุ่น นักเรียน นักศึกษาได้แสดงออก สามารถผ่อนคลายความเครียดจากสถานการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน และเรียนรู้การสื่อสารถึงปัญหาภายในใจผ่านงานดนตรีและบทเพลง รวมทั้งเพื่อเผยแพร่บทเพลงที่ให้กำลังใจ และสื่อสารอย่างตรงจุดกับคนรุ่นใหม่ในช่องทางสาธารณะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงร่วมกับ happening จัดอบรมสอนการแต่งเพลงสำหรับกลุ่มเยาวชนที่ชื่อโครงการ “เพลงในใจ” เพื่อนำดนตรีมาใช้สื่อสารความในใจอย่างสร้างสรรค์
กลุ่มเป้าหมายคือ เยาวชน-นิสิต-นักศึกษา อายุ 15-22 ปี ที่สนใจศึกษาทักษะการแต่งเพลงได้มีโอกาสเรียนรู้และสื่อสารสิ่งที่อยู่ในใจผ่านศิลปะแขนงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเครียด ความเศร้าซึม หรือเรื่องอึดอัดใจ หนักใจที่ส่งผลต่อสุขภาพจิต โดยจะได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์และคำแนะนำจากนักแต่งเพลงและบุคลากรทางดนตรีมืออาชีพ จากนั้นคณะกรรมการคัดเลือกเพลงจะนำไปเรียบเรียงและบันทึกเสียงก่อนเผยแพร่สู่สาธารณะ
เมื่อมองผ่าน 5 ผลงานที่ได้รับการคัดเลือกจะเห็นและเข้าใจว่า … เป็นวัยรุ่นสมัยนี้ไม่ง่ายเลย
“Deadline” เป็นชื่อที่ ปราชญ์ - สรสิช แจ่มอัมพร นักศึกษาสาขาวิชาออกแบบสถาปัตยกรรม ตั้งให้กับผลงานของเขา ซึ่งนำความรู้สึกและปัญหาที่ตัวเองเผชิญอยู่มาแต่งเป็นเพลง ทั้งความวิตกกังวล ความเครียด และความกดดันจากการเรียน ซึ่งเปลี่ยนชีวิตเขาให้กลายเป็นคนกลัวว่าจะทำผิด กังวลว่าคนอื่นจะคิดกับสิ่งที่เขาพูดหรือทำอะไร ซึ่งส่งผลกระทบทั้งการเรียนและการเข้าสังคม อีกทั้งในช่วงที่โควิดระบาด เขาและครอบครัวได้สูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป ทำให้หลายปัญหาเข้ามากระทบ
เมื่อร้องเพลงนี้เขาร้องไห้ไปด้วย เมื่อร้องเพลงออกมาแล้วเขารู้สึกเหมือนได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ทำให้ความกังวล ความเศร้า และความทุกข์ที่มีอยู่ได้ถูกปลดปล่อยออกไป ปราชญ์คาดหวังว่า ความรู้สึกที่เขานำเสนอผ่านบทเพลงจะสามารถส่งกำลังใจไปถึงคนในวัยเดียวกันที่อาจจะกำลังรู้สึกแบบเดียวกัน รวมทั้งคนที่หมดไฟ ท้อแท้ หรือเป็นโรควิตกกังวล โรคทางจิตเวช หรือโรคซึมเศร้า
ฟังเพลง Deadline ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=4W-EoWYSHT8
‘จะมีใคร รู้บ้างไหม เหนื่อยแค่ไหนที่เป็นแบบนี้ / โปรดเถอะนะ โปรดเข้าใจฉันที / โอบกอดกัน ในค่ำคืนที่โหดร้าย / ต้องปิดบัง ใส่หน้ากากไว้ ไม่ให้ใครรู้ถึงความหมาย / แต่ลึก ๆ ก็หวังว่ายังไม่สาย ที่จะพบความสุขสักที …’ เป็นเนื้อร้องบางตอนจากเพลง “หน้ากาก” ของ คอปเตอร์ - ศิวัช ชูศิริ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาเอกขับร้อง วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่สื่อสารความรู้สึกของคนที่มีภาวะซึมเศร้าให้คนอื่นเข้าใจ รวมถึงให้กำลังใจกับคนที่กำลังเผชิญภาวะนี้อยู่ด้วย
บทเพลงของคอปเตอร์เขียนมาจาก “ความรู้สึกดาวน์” ทั้ง ๆ ที่ในใจอยากมีความสุข เมื่อพบเจอผู้คนก็จะฝืนยิ้มเหมือนกับใส่หน้ากาก เพื่อให้คนอื่นเห็นว่ายังปรกติ เพราะไม่อยากให้คนอื่นต้องลำบากใจ “ไม่อยากให้คนอื่นดาวน์เพราะเรา” เพลงนี้คือ ความรู้สึกข้างในของคนที่เกิดภาวะซึมเศร้า ซึ่งต้องการคนอยู่ข้าง ๆ และรับฟัง การแต่งเพลงสำหรับเขาเหมือนได้ฝึกตัวเองและส่งสารที่ดีไปถึงคนฟัง เป็นเรื่องดีทั้งต่อตัวเองและคนอื่น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคซึมเศร้าควรจะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เพราะเราได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่น..คอปเตอร์บอก
ฟังเพลง หน้ากาก ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=9UsGSvX8C94
ขณะที่ เฟย - ธนู สุดยอดบรรพต นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนรุ่งอรุณ กับบทเพลง “หนึ่งในตองอู” ซึ่งผู้แต่งคิดว่า เป็นเพลงที่ไม่ได้มีคอนเซ็ปต์โดดเด่นหรือแปลกใหม่ แต่เขาเลือกใช้คำที่ค่อนข้างดึงดูดเพื่อบอกเล่าถึงความเชื่อมั่นในตัวเองที่มี และอยากจะบอกกับคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองว่า “ถ้าตั้งใจทำอะไรสักอย่างที่คนอื่นทำได้ คุณก็น่าจะทำได้ เราไม่ควรคิดด้อยค่าตัวเอง เราอาจจะเริ่มช้ากว่าคนอื่น สิ่งที่ทำอยู่ยังดูไม่ค่อยดี แต่ถ้าเราทำไปเรื่อย ๆ มันจะดีกว่านี้ได้”
ฟังเพลง หนึ่งในตองอู ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=IE7CkryfxTk
ในสถานการณ์โรคระบาดซึ่งทุกคนยังคงต้องรักษาระยะห่างระหว่างกัน เราอาจจะเคยชินแล้วกับการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ งดออกเดินทางไปพบปะเพื่อนฝูง หรือเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน แต่ในบางครั้ง ต้นกล้า - ธีธัช เลาหะสราญ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ก็อดคิดถึงเรื่องราวธรรมดาซึ่งกลายเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ในปัจจุบัน และแต่งมันออกมาเป็นบทเพลง “ธรรมดาที่คิดถึง” – ‘ยังคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่ได้พิเศษ / ยังคิดถึงเรื่องราวเดิม ๆ ที่เป็นเพียงแค่ความทรงจำ / คิดถึงแต่การได้ออกไปเดินข้างนอกนั้น / ขอบฟ้าที่เคยสัมผัส ทางเดินที่ร่วมกันมา / เรื่องธรรมดา ที่ในตอนนี้มีค่าเหลือเกิน …’ สำหรับต้นกล้าแล้ว การแต่งเพลงเหมือนการระบายความรู้สึก หรือสิ่งที่อึดอัดอยู่ข้างในออกมา “บางความรู้สึกที่อาจจะพูดไม่ได้ หรือแค่พูดยังไม่พอ เราก็เลยใส่ทำนองใส่วรรคตอนให้มันจนออกมาเป็นเพลง”
ฟังเพลง ธรรมดาที่คิดถึง ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=nsVqrmC0rsI
จากที่เดิมที ปก - สตบรรณ ศรีสุริยะธาดา คุ้นเคยกับวัยรุ่นยุคนี้ผ่านงานติวเตอร์อิสระสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้กับนักเรียนระดับมัธยม เขาเลือกถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในใจของนักเรียนซึ่งเผชิญกับความกดดันจากความคาดหวังของครอบครัวในเรื่องการเรียน กลายเป็นเพลง “เช็คลิสต์” ด้วยความเข้าใจ ‘อยากให้รู้ว่าเป็น แค่เด็กน้อยธรรมดา / ไม่ใช่เทพเทวา โดราเอม่อนซะที่ไหน / ก็มีเรื่องที่ทำเป็น และบางเรื่องที่ทำไม่ได้ / จะกอดหนูไว้ได้ไหม เพราะหนูทำได้แค่นี้…’ ความคิดเบื้องหลังของปก จากเพลงนี้คือ การเป็นเด็กสมัยนี้มันยาก “ผมรู้สึกว่ายากกว่าสมัยผม ทำไมเขาทำงานกันเยอะจัง ผมย้อนนึกไปในสมัยของตัวเอง เราไม่ต้องทำงานเยอะขนาดนี้ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะบอกผู้ปกครองผ่านบทเพลงนี้ว่า อย่าเพิ่งไปคิดว่าลูกตัวเองไม่ได้เอาจริงเอาจังกับการเรียน ลองเปิดใจฟังเขาก่อน ทำความเข้าใจ และอยู่เคียงข้างกันเวลาที่เขามีปัญหา ผมคิดว่าเด็กไม่ได้ต้องการอะไรเยอะ แค่นี้น่าจะเพียงพอแล้ว” (5)
ฟังเพลง เช็คลิสต์ ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=4Kq8AmDoJ1E
นอกเหนือจาก 5 บทเพลงที่ถูกเลือกจากคณะกรรมการแล้ว เพลงอื่น ๆ ที่ส่งเข้าร่วมโครงการ “เพลงในใจ” นั้นก็ไม่ต่างกับบันทึกความทรงจำและเหตุการณ์ เป็นบทเพลงแห่งการเติบโตผ่านเรื่องราวและสถานการณ์ บอกเล่า แสดงและสื่อสารความรู้สึกนึกคิดประสบการณ์ ที่มีทั้งความรัก ครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อน ความฝัน เส้นทางในอนาคต ความเศร้า การสูญเสีย การรักษาบาดแผลในใจ การทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ รอบตัว ไปจนถึงการตั้งคำถามถึงความสุข ความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง การค้นหาตัวเอง การสะท้อนมุมมองเกี่ยวกับสังคม ฯลฯ (6)
โครงการ “เพลงในใจ” นอกจากจะช่วยเยาวชนให้ได้ฝึกฝนขัดเกลาทักษะเรื่องการแต่งเพลงแล้ว สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ การแต่งเพลงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยปลดปล่อยความเครียด ความซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความอึดอัด โดดเดี่ยว ผิดหวัง เจ็บปวด ฯลฯ ออกมา ซึ่งช่วยทำให้พวกเขาผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปได้ เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ช่วยบรรเทารักษาร่องรอยบาดแผลและปลดปลงความหนักอึ้งข้างในออกมา
สำคัญที่สุดคือ … บทเพลงเหล่านี้ต้องการการเปิดใจและรับฟัง
เข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น
ความคิดเห็น 0