การขาดความรู้และความตระหนักในสุขภาพจิต ประกอบกับการตีตราและการขาดแคลนทรัพยากรด้านสุขภาพจิต ส่งผลให้เด็กและเยาวชนจำนวนมากไม่ได้รับการส่งเสริมให้มีสุขภาพจิตที่ดี หรือได้รับการช่วยเหลือเมื่อเผชิญปัญหาสุขภาพจิต จากฐานข้อมูลของสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ พบว่า ประเทศไทยมีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นให้บริการในหน่วยงานของรัฐเพียงประมาณ 200 คน เท่านั้นเมื่อเทียบกับประชากรวัยรุ่น 15 ล้านคน
เดวอรา เคสเทล ผู้อำนวยการฝ่ายสุขภาพจิตและฝ่ายงบประมาณของ WHO บอกว่า ทุก ๆ ที่ที่มีการระบาดของโควิด-19 จะต้องใส่ใจกับเรื่องสุขภาพจิต “แต่ละประเทศควรต้องแน่ใจว่า ประชากรทุกคนสามารถเข้าถึงการเยียวยาสุขภาพจิต หากพวกเขาต้องการ”
ขณะที่ คุณหมออภิสมัย แนะนำว่า หากตัวเองหรือคนใกล้ชิดเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ป่วยสุขภาพจิต หรือสงสัยว่าป่วยอยู่ก่อนแล้ว ช่วงนี้ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการและรักษาอย่างเหมาะสม หากมีนัดสม่ำเสมอก็ไม่ควรหยุดพบแพทย์ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่อาการรุนแรงและเป็นอันตรายได้ ซึ่งแนวทางการรับมือความเครียดที่ทุกคนสามารถทำได้คือ เริ่มจากการไม่ทำให้สถานการณ์แย่ลง โดยการตัดสินใจในเรื่องใหญ่หรือสำคัญ ควรรักษาตัวให้ดี และระวังอย่าให้ติดเชื้อโควิด
นอกจากนี้ คุณหมอไม่แนะนำให้เสพข่าวสารมากเกินไป “เลือกรับข่าวสารจากสถาบันที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบ Fake News รวมทั้งควรปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องการรักษาความสะอาด เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการสัมผัส และหมั่นเช็กสภาพจิตใจและอารมณ์ของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ พยายามใช้ชีวิตปกติและมีคุณค่า พยายามทำสิ่งที่มีประโยชน์ สร้างสรรค์ ไม่ทำให้ตัวเองเครียด” (4)

‘4 สร้าง 2 ใช้’ ช่วยดูแลจิตใจช่วงรักษาโควิด
สำหรับบุคลากรด้านสุขภาพจิตควรมีส่วนร่วมในกระบวนการต่าง ๆ ในการดูแลจิตใจผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาล เพื่อให้การดูแลช่วยเหลือทางจิตใจ และจิตสังคมได้อย่างเหมาะสม การจัดโครงสร้างควรประกอบด้วยกิจกรรมที่สอดคล้องกับกรอบความต้องการด้านสุขภาพจิตและจิตสังคม (ภาวะทางด้านจิตใจอารมณ์ของบุคคลที่แสดงออก) ให้บุคคลอื่นเห็นตั้งแต่บริการขั้นพื้นฐานไปจนถึงบริการจากผู้เชี่ยวชาญ โดยคำนึงถึงความปลอดภัย สิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเท่าเทียม และคุณค่าของสังคมและวัฒนธรรม มีการทำงานแบบบูรณาการสอดคล้อง เน้นประสานงานภาคีเครือข่ายช่วยเหลือส่งต่อ
การดูแลจิตใจระหว่างกักตัวรักษาโควิด-19 ประกอบด้วย การดูแลสุขภาพกาย เพื่อให้หายหรืออาการดีขึ้น และนําหลักการ “4 สร้าง 2 ใช้” มาเป็นแนวทางการดูแลจิตใจในการเผชิญภาวะวิกฤต ประกอบด้วย
สร้าง 1 สร้างความปลอดภัย การให้สมาชิกทำตามกฎแห่งความปลอดภัย ตั้งแต่เว้นระยะห่างทางสังคม หมั่นล้างมือด้วยสบู่/แอลกอฮอล์ สวมหน้ากากตลอดเวลา และทำความสะอาดพื้นผิวที่มือสัมผัส
สร้าง 2 สร้างความสงบ ด้วยการเลือกรับฟังข่าวสารที่เชื่อถือได้และใช้เวลากับสื่ออย่างเหมาะสม รวมทั้งฝึกเทคนิคการคลายเครียดที่เหมาะสมกับตัวเอง
สร้าง 3 สร้างความคาดหวัง โดยสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองว่า สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้
สร้าง 4 สร้างความเห็นใจ ดูแลซึ่งกันและกันโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา หรืออาชีพ มีอาสาสมัครที่พร้อมช่วยเหลือและให้กําลังใจ อาจสลับบทบาทกันเป็นแกนนําจัดกิจกรรมส่งเสริมกำลังใจกันและกัน
ใช้ 1 ใช้ศักยภาพให้เต็มที่ เตรียมพร้อมการทำงาน/หารายได้ หลังการรักษา
ใช้ 2 ใช้สายสัมพันธ์สร้างความเข้มแข็ง มีกลุ่มสื่อสารแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันอย่างสม่ำเสมอ เช่น เขียนข้อความให้กําลังใจกัน ส่งเสริมให้มีการติดต่อกันในครอบครัว แลกเปลี่ยนความรู้สึก และความกังวลที่เกิดขึ้น (5)
ภาวะ Long Covid ต้องใช้เวลาพักฟื้น
จากข้อมูลผู้ป่วยที่หายจากโควิดแล้วประมาณ 30-50% พบว่า จะยังมีอาการหลงเหลืออยู่ เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย มีไข้ ไอ ปวดหัว ภาวะนี้เรียกว่า ลองโควิด (Long Covid) ซึ่งสามารถพบได้ในผู้ป่วยหลังได้รับเชื้อ 4-12 สัปดาห์ขึ้นไป นอกจากอาการทางร่างกายแล้ว ผู้ป่วยหลายรายยังมีอาการทางจิตใจร่วมด้วย และอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตได้ โดยเฉพาะในรายที่มีอาการของโควิดรุนแรงถึงขั้นต้องนอนรักษาตัวในแผนกผู้ป่วยวิกฤต (ICU) หรือต้องใส่ท่อช่วยหายใจ อาจจะมีอาการผิดปกติทางจิตใจ มีอาการฟื้นตัวช้า ไม่คล่องตัว ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เหมือนต้อง “Lock Down” ชีวิตตัวเอง
ผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากลองโควิดมักต้องใช้เวลาในการพักฟื้น อาจเสียความคล่องตัวขั้นพื้นฐาน ทำให้สูญเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน หลายคนมักรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น เมื่อสูญเสียความมั่นใจในสิ่งที่เคยได้ทำ ส่งผลต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นลดลงและย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจได้ จนเกิดภาวะวิตกกังวล หรือ ซึมเศร้า บางรายเกิดความรู้สึกผิดที่ต้องลาป่วยเป็นเวลานาน และเพื่อนร่วมงานต้องมารับผิดชอบแทน ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตในระยะยาว

ลองโควิดยังมีผลทำให้มีภาวะสมองล้า หรือ Brain Fog โดยภาวะที่เกิดขึ้นนี้มาจากอาการทางสมอง ที่อาจแสดงออกมาในลักษณะของการตัดสินใจช้า เช่น ความรู้สึกช้า เบลอ ๆ หรือมีความคิดล่องลอย โดยมักจะมีปัญหาทางด้านความจำ ตัดสินใจไม่เด็ดขาด สมาธิสั้น จิตใจล่องลอย ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ปวดหัว ความคิดสับสน
จากการเก็บข้อมูลของผู้ที่หายป่วยจากโควิดในต่างประเทศพบว่า ประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ที่หายจากโควิดจะพบความผิดปกติด้านจิตใจ โดยร้อยละ 18 มีภาวะวิตกกังวล ร้อยละ 13.6 มีปัญหาด้านอารมณ์ และร้อยละ 5.4 มีภาวะนอนไม่หลับ ขณะที่บางรายพบอาการหลายอย่างร่วมกัน ซึ่งอาการเหล่านี้มีผลต่อกิจวัตรประจำวัน และการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยโดยตรง (6)
เข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น
ความคิดเห็น 0