สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้อธิบายถึงสถานการณ์และแนวโน้มของการจัดการความปลอดภัยทางถนน โดยเน้นความสำคัญของการร่วมมือและการบูรณาการจากหลายภาคส่วนเพื่อลดความเสียหายจากอุบัติเหตุทางถนน ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ถือเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศ โดยเฉพาะการจัดทำ "แผนแม่บท" ความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2565 – 2570" ซึ่งเป็นแผนฉบับที่ 5 ของประเทศ ซึ่งรวมกลยุทธ์และมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และมีเป้าหมายรวม 2 ข้อ คือลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนให้ต่ำลงในปี 2570 ประกอบด้วย 5 เสาหลัก มาใช้ประกอบการจัดทำแผน คือ (1) การบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนน และการจัดการข้อมููล การติดตามและประเมินผล และการศึกษาวิจัย (2) ถนนและการสัญจรอย่างปลอดภัย (3) ยานพาหนะที่่ปลอดภัย (4) ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย และ(5) การตอบสนองหลังเกิดอุุบัติเหตุุ
ยุทธศาสตร์ที่แสดงถึงความสำคัญในการลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนแบ่งออกเป็น 4 ด้านสำคัญดังนี้:
ยุทธศาสตร์ที่ 1: มุ่งเป้าลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสของผู้ใช้รถใช้ถนน
กลยุทธ์ 1: การสร้างมาตรการเพื่อลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เช่น การป้องกันอุบัติเหตุ การเพิ่มความต้องการใช้หมวกนิรภัย เป็นต้น
กลยุทธ์ 2: การพัฒนาและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการลดอุบัติเหตุ และการดูแลผู้บาดเจ็บให้เร็วที่สุด
ยุทธศาสตร์ที่ 2: ยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยของยานพาหนะ
กลยุทธ์ 1: การสร้างมาตรฐานที่เข้มงวดสำหรับการผลิตและการควบคุมคุณภาพของยานพาหนะ
กลยุทธ์ 2: การส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ความปลอดภัยในยานพาหนะ
กลยุทธ์ 3: การสนับสนุนและส่งเสริมการใช้ยานพาหนะที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง
ยุทธศาสตร์ที่ 3: พัฒนาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและการเดินทางที่ยั่งยืน
กลยุทธ์ 1: การวางแผนและการออกแบบถนนและสิ่งก่อสร้างเพื่อความปลอดภัย
กลยุทธ์ 2: การสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ถนน
กลยุทธ์ 3: การส่งเสริมการใช้งานยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ยุทธศาสตร์ที่ 4: พัฒนารากฐานโครงสร้างการทำงานด้านความปลอดภัยทางถนน
กลยุทธ์ 1: การพัฒนาระบบการจัดการข้อมูลและการติดตามเพื่อการป้องกันอุบัติเหตุ
กลยุทธ์ 2: การส่งเสริมการศึกษาและการอบรมเพื่อเพิ่มความสำรวจและความตระหนักในเรื่องความปลอดภัย
ข้อมูลการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 12 ปี (ปี 2554 - 2565) บ่งชี้ถึงความสำคัญของการพัฒนามาตรการเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย:
1.การลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ: ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ามีการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลงคิดเป็นร้อยละ 21 ในช่วงเวลาที่กล่าวถึง โดยผู้เสียชีวิตลดลงจาก 21,996 คนในปี 2554 เหลือเพียง 17,379 คนในปี 2565
2.การลดความเสี่ยงเศรษฐกิจ: การวิเคราะห์ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยชี้ให้เห็นถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่สูงมาก โดยคาดว่าค่าความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยอาจสูงถึง 545,435 ล้านบาทต่อปี และส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และสงขลา ทำให้การจัดการและการบริหารจัดการอุบัติเหตุทางถนนเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องได้รับการพิจารณาอย่างเป็นระบบและมีการกระจายอำนาจการบริหารจัดการที่เหมาะสมในระดับพื้นที่ การลดอุบัติเหตุทางถนนไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่มีนัยสำคัญ จึงเป็นเรื่องที่ควรได้รับความสำคัญและการกระทำเพื่อการลดอุบัติเหตุทางถนนควรมีการจัดทำและดำเนินการอย่างต่อเนื่องและมีการปรับปรุงอย่างเป็นระบบอย่างต่อเนื่องตามข้อมูลและแนวโน้มของอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย
ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 10-19 ปีได้ดังนี้:
1.การลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ: พบแนวโน้มที่ลดลงของการเสียชีวิตในกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 10-19 ปี ลดลงถึงร้อยละ 44 ในช่วงปี 2560-2565 โดยทำให้เห็นถึงความสำคัญของมาตรการการป้องกันและการจัดการอุบัติเหตุทางถนนที่มีประสิทธิภาพ
2.การวิเคราะห์แนวโน้มและการทำนาย: การวิเคราะห์อนุกรมเวลาแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตหากไม่มีมาตรการเร่งรัดในการสร้างความปลอดภัยทางถนน โดยหากไม่มีการป้องกัน จำนวนเด็กและเยาวชนที่เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก 30,204 คน ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
3.การสร้างอนาคตที่มั่นคง: การลดการเสียชีวิตในกลุ่มเด็กและเยาวชนจะมีผลกระทบที่สำคัญต่ออนาคตของประเทศ ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องชีวิตของเด็กและเยาวชน แต่ยังช่วยเสริมสร้างความ
มั่นคงของชาติ โดยมีผลต่อผู้ปกครองและครู และส่งผลต่อความเจริญเติบโตของประเทศในระยะยาว
ดังนั้น การลดการเสียชีวิตในกลุ่มเด็กและเยาวชนทางถนนเป็นเป้าหมายที่สำคัญต้องให้ความสำคัญและมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายตามแผนแม่บทได้เร็วขึ้น
ปัจจุบันจำนวนรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนสะสมของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก มีจำนวนมากกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนพาหนะทุกประเภทที่จดทะเบียน และเป็นส่วนใหญ่ของผู้ขับขี่บนถนน
การเสียชีวิตและบาดเจ็บ: จำนวนการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนยังคงสูงอยู่ในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีการบาดเจ็บที่ศีรษะเป็นส่วนสำคัญ ที่มีสัมพันธ์กับการไม่สวมหมวกนิรภัย
การสวมหมวกนิรภัย: อัตราการสวมหมวกนิรภัยยังไม่สูงมาก แม้ว่าบางพื้นที่จะมีการติดตั้งระบบ AI
ในการตรวจจับ และมีการเพิ่มอัตราการสวมหมวกนิรภัยในบางพื้นที่ แต่ยังมีความจำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการ
ปัจจัยโครงสร้าง: ระบบการจัดการสภาพแวดล้อมทั้งเรื่องถนนและยานพาหนะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเกิดอุบัติเหตุ และมีความเคราะห์กรรมในการเข้าถึงข้อมูลและระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัย
สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์: ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย พบว่า สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์มาจากทั้งผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้ขับขี่รถยนต์ที่เป็นคู่กรณีในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
ความผิดพลาดของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์: จากการศึกษาวิจัยพบว่า ความผิดพลาดของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มีส่วนสำคัญในการเกิดอุบัติเหตุ โดยมีสาเหตุหลักคือความผิดพลาดในการประเมินสถานการณ์ (Perception Failure) เป็นส่วนใหญ่
การบาดเจ็บและเสียชีวิต: ในกรณีของอุบัติเหตุที่มีความรุนแรงมาก ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มีความผิดพลาดในการประเมินสถานการณ์ (Perception Failure) สูงถึงร้อยละ 62 และมีกลุ่มเยาวชนอายุ 15-24 ปีที่มีสัดส่วนในการเกิดอุบัติเหตุในช่วงกลางคืนสูงถึงร้อยละ 44
การวิจัยเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจถึงสาเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนามาตรการป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุในอนาคต
ประสบการณ์การประสบอุบัติเหตุของไรเดอร์ : จากข้อมูลพบว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มักเคยประสบอุบัติเหตุมากกว่าครั้งเดียว โดยมีร้อยละ 65.96 ประสบการณ์อุบัติเหตุ 1-4 ครั้ง และร้อยละ 17.72 ประสบการณ์ 5-10 ครั้ง
การประสบอุบัติเหตุระหว่างทำงาน: สถานการณ์ที่น่าสนใจคือ 1 ใน 3 ของไรเดอร์ประสบอุบัติเหตุระหว่างทำงาน และมีกว่าร้อยละ 40 เป็นการบาดเจ็บสาหัส บางรายเสียชีวิต
พฤติกรรมขณะขับขี่: ข้อมูลพบว่าความเร็วเฉลี่ยขณะเกิดอุบัติเหตุในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างมากกว่า 61 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีการใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ในร้อยละ 16.2 ของกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง และร้อยละ 37.8 ของกลุ่มไรเดอร์
ความสำคัญของการเพิ่มความปลอดภัย: ข้อมูลชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการดำเนินการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับกลุ่มไรเดอร์ โดยเฉพาะในการป้องกันการใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมขณะขับขี่เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ
สถาบันวิจัยประชากรและสังคมมหาวิทยาลัยมหิดล รายงานว่าในปี 2565 อัตราการเพิ่มประชากรจะใกล้เคียงกับศูนย์ เนื่องจากอัตราการเกิดและตายมีจำนวนที่ใกล้เคียงกัน นำไปสู่การก้าวเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุในอนาคตผลกระทบต่อเศรษฐกิจ: การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างอายุของประชากรจะมีผลกระทบสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
ความสำคัญของกลุ่มผู้สูงอายุ: กลุ่มผู้สูงอายุเป็นกลุ่มสำคัญที่ต้องเฝ้าระวังในเรื่องสุขภาพและการเกิดอุบัติเหตุ โดยสถิติการเกิดอุบัติเหตุในหลายจังหวัดเริ่มพบกลุ่มผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นและต้องเร่งป้องกันให้แก่กลุ่มเด็กและเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต
สรุปผลการดำเนินงานที่สำคัญของปีที่ผ่านมาของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ได้ร่วมบูรณาการการทำงานเพื่อเชื่อมประสานกันทั้งในแนวดิ่งและแนวราบ โดยมุ่งเน้นการขยายและยกระดับการทำงานของบทเรียนและต้นแบบที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุและสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ที่ดีในระดับพื้นที่ ดังนี้
1.การขยายผลต้นแบบกลไกการทำงานของจังหวัด: การขยายผลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนนและการสร้างต้นแบบตำบลขับขี่ปลอดภัย เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
2.การขยายผลการทำงานในระดับอำเภอ: เพื่อมุ่งทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาในอำเภอที่มีจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตสูง รวมถึงการแก้ไขจุดเสี่ยงและการมีแผนของท้องถิ่นที่จะแก้ไขปัญหา
3.การสร้างพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัย: การสร้างความตระหนักรู้ในการสวมหมวกนิรภัยและการคาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ครู พ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพทั้งในระดับกลไกการทำงาน ระดับผู้ปฏิบัติงานและระดับบุคคล เพื่อเร่งให้เกิดการปฏิบัติงานตามนโยบายของหน่วยงานต่างๆ
4.การบูรณาการและการเชื่อมโยงข้อมูล: การร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการสร้างความปลอดภัยในกลุ่มคนเดินเท้า รวมถึงการพัฒนาและสนับสนุนให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน และการกำกับติดตามการทำงาน
5.การสร้างกระแสการจับตากันในสังคมออนไลน์: การสร้างกระแสการจับตากันในสังคมออนไลน์เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ และการสร้าง “อาสาตาจราจร
สรุปผลการขับเคลื่อนงานของแผนที่จะเป็นบทเรียนและแนวทางประกอบการดำเนินงานในปี 2567 มุ่งเน้นด้านการแก้ไขปัญหาในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ป้องกันและให้ความรู้ในกลุ่มเด็กและเยาวชน ขยายการทำงานในสถานศึกษา และเลือกทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิต โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:
1.การแก้ไขปัญหาในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์: การมุ่งเน้นในการป้องกันอุบัติเหตุในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ โดยการสร้างความตระหนักและเพิ่มความรู้เกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัย
2.การให้ความรู้ในกลุ่มเด็กและเยาวชน: การสร้างโครงการเพื่อเสริมสร้างความตระหนักและให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันอุบัติเหตุในกลุ่มเด็กและเยาวชน
3.การขยายการทำงานในสถานศึกษา: การเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานในสถานศึกษาในการสอนและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนน
4.การสร้างความตระหนักและส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย: การเน้นการสร้างความตระหนักรู้ในการสวมหมวกนิรภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยง
5.การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุน: การนำเทคโนโลยีมาช่วยในการกำกับติดตามพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ และการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานองค์กร ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในการดำเนินงานต่อไป
ที่มา:สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.).แผนการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. น.55-58
มูลนิธิไทยโรดส์และศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ได้จัดทำ “รายงานสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย” ตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน (2564) มีโครงสร้างดังนี้:
1.ตัวชี้วัดสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน 12 ตัว: รายงานนำเสนอข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางถนน โดยรวมถึงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ความรุนแรงของอุบัติเหตุทางถนน และข้อมูลอื่น ๆ เช่น การใช้ความเร็ว การดื่มแล้วขับ การสวมหมวกนิรภัย เป็นต้น
2.บทความเจาะลึกประเด็นสำคัญ: รายงานมีบทความเพื่อชี้แจงประเด็นที่สำคัญภายในช่วงเวลานั้น ๆ เช่น การสืบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ ช่องว่างในการป้องกัน และกรณีศึกษาการสอบสวนสาเหตุการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในกลุ่มเด็กและเยาวชนไทย เป็นต้น
3.การวิเคราะห์และสรุปผลสำคัญ: รายงานจะวิเคราะห์และสรุปผลสำคัญจากข้อมูลที่รวบรวมได้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดแนวทางแก้ไขและป้องกันในอนาคต
รายงานนี้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการพัฒนานโยบายและมาตรการเพื่อสร้างสภาวะที่ปลอดภัยในการใช้ถนนในประเทศไทย และเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนในด้านความปลอดภัยทางถนนในอนาคต
รายงานสถิติอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยในปี 2552 และ 2554 มีโครงสร้างที่รวมถึง 10 บทเสนอที่มีข้อมูลที่สำคัญ ประกอบด้วยตารางสถิติ กราฟ และแผนที่ดังนี้:
1.สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่สำคัญของประเทศไทย: สรุปข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางถนนที่มีความสำคัญ รวมถึงจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ อุบัติเหตุบนทางหลวงแผ่นดิน/ทางหลวงชนบท และตัวชี้วัดอื่น ๆ เช่น ความรุนแรงของอุบัติเหตุทางถนน
2.ตัวชี้วัดสถานการณ์ในภาพรวมระดับประเทศ: แสดงจำนวนอุบัติเหตุและความสูญเสีย ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและการบาดเจ็บ และดัชนีความรุนแรงและการเสียชีวิต
3.ตัวชี้วัดกลุ่มเสี่ยงและปัจจัยเสี่ยงระดับประเทศ: แบ่งตามกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ประเภทของยานพาหนะ เพศ และช่วงอายุ และปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น การใช้ความเร็ว และการดื่มแล้วขับ
4.สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนปี ... แยกตามภูมิภาค: แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก เหนือ และภาคใต้
5.ตัวชี้วัดสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนระดับภาค ตำรวจภูธรภาค: แสดงความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและบาดเจ็บแยกรายตำรวจภูธรภาค และกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนแบ่งตามประเภทยานพาหนะ
6.ตัวชี้วัดสถานการณ์อุบัติเหตุทางหลวง ระดับสำนักทางหลวง: แสดงความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและบาดเจ็บ และดัชนีความรุนแรงบนทางหลวง แยกรายสำนักทางหลวง รายงานสถิติอุบัติเหตุทางถนนเหล่านี้เป็นข้อมูลที่มีคุณค่าสำหรับการวางแผนและประเมินผลของนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยให้มีระดับความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนลดลงได้โดยมีการจัดการอย่างเหมาะสมและเชิงรุกแก้ไขปัญหาที่แท้จริง
ที่มา : รายงานสถิติอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย ปี 2552 (พิมพ์เมื่อ พค. 2554) และปี 2554 (พิมพ์เมื่อ 2556) จัดทำโดยมูลนิธิไทยโรดส์ สนับสนุนโดย สสส. , สอจร. , ศวปถ. มสช.
แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรในระดับจังหวัด (สอจร.) มีการจัดทำ “รายงานสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทยในปี 2561” เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรในระดับจังหวัด (สอจร.) ซึ่งมีความสำคัญดังนี้:
1.สถิติอุบัติเหตุระดับประเทศ: แสดงข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการเสียชีวิตต่อแสนประชากรในแต่ละจังหวัด จังหวัดที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดและต่ำสุด และการจับกุม ปรับและดำเนินคดีตามสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ โดยแยกตามปัจจัยที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การไม่สวมหมวกนิรภัย การขับรถเร็ว เป็นต้น
2.สถิติอุบัติเหตุระดับภาค: นำเสนอข้อมูลของแต่ละภาคในประเทศ เช่น ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ แสดงอัตราการเสียชีวิต การจับกุม ปรับและดำเนินคดีตามสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ และแผนภาพแสดงข้อมูลรายจังหวัด/อำเภอ
3.การวิเคราะห์การประเมินตนเองในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนน 6 ด้าน: การวิเคราะห์ที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์เกี่ยวกับการประเมินตนเองในการขับขี่ ซึ่งช่วยให้เข้าใจถึงปัญหาและความเสี่ยงในการใช้ถนนโดยผู้ขับขี่แต่ละคน
รายงานนี้เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวางแผนและประเมินผลของกิจกรรมการป้องกันและบรรเทาอุบัติเหตุทางถนนในระดับจังหวัด และเป็นแนวทางสำหรับการดำเนินการเพื่อลดอุบัติเหตุในอนาคต
ที่มา : รายงานสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย ปี 2561 (Thailand National Status Report on Road Safety 2018) จัดทำโดย สอจร.
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) สำนักแผนความปลอดภัย กระทรวงคมนาคม ได้จัดทำ “รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม” มีความสำคัญดังนี้:
1.รายงานสถานการณ์โลกด้านความปลอดภัยทางถนน: พิจารณาสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนระดับโลกเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทย
2.ข้อมูล 3 ฐาน (IDCC) การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน: นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยในรูปแบบภาพรวมและจำแนกตามช่วงอายุและเพศ
3.คดีอุบัติเหตุจราจรทางบกและรายงานเสียชีวิตในระบบ CRIMES: แสดงข้อมูลเกี่ยวกับคดีอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นบนท้องที่ดินของ
ประเทศ และรายงานการสืบสวนเสียชีวิตในระบบ CRIMES ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
4.อุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นบนโครงข่ายความรับผิดชอบของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมจากระบบ TRAMS: จัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นบนท้องที่ดินที่เป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัด ซึ่งเป็นสารสนเทศที่สำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนการป้องกัน
5.เปรียบเทียบสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนระหว่างระบบ CRIMES และระบบ TRAMS: เพื่อให้เห็นความแตกต่างในข้อมูลระหว่างสองระบบที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลอุบัติเหตุ
6.อุบัติเหตุทางถนนที่เกิดจากรถโดยสารสาธารณะ: การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการขับขี่รถโดยสารสาธารณะ เพื่อให้เข้าใจถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุด้านนี้
7.สถิติอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟกับถนน: การนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่จุดตัดทางรถไฟกับถนน เพื่อการวางแผนและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในสถานที่นั้น
8.ดัชนีตัวชี้วัดความเสี่ยงและความรุนแรงจากอุบัติเหตุทางถนน: การวิเคราะห์และการนำเสนอข้อมูลเพื่อทำให้เข้าใจความเสี่ยงและความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ
การเก็บสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เจาะจงเป็นส่วนสำคัญในการรณรงค์และการวางมาตรการต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ถนน โดยเน้นไปที่ประเด็นที่สำคัญเฉพาะ ดังนี้:
(1)การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2562: การรวบรวมข้อมูลและสถิติเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นการช่วยในการวางแผนการป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลนี้ โดยการระบุสาเหตุหลักๆ เช่น การดื่มแล้วขับและความเร็ว จะช่วยให้มีมาตรการที่เหมาะสมในการปรับปรุงสภาพถนนและการประกอบการในช่วงนั้น
งานวิจัย “การส่งเสริมการนำข้อมูลการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปใช้ประโยชน์”: การวิจัยดังกล่าวช่วยในการทราบถึงลักษณะของการบาดเจ็บและเสียชีวิตที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญในการวางแผนการดำเนินการในช่วงเทศกาลต่างๆ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเวลานั้นลง
การรวบรวมและวิจัยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะช่วยให้เกิดมาตรการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นๆ และช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ลงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำให้คนใช้ถนนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในการเดินทางในช่วงเทศกาลสำคัญนี้ ทั้งนี้ยังเป็นการใช้ข้อมูลในการสร้างนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยบนถนนให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ที่มา : รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์โครงการส่งเสริมการนำข้อมูลการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปใช้ประโยชน์ จัดทำโดย นงนุช ตันติธรรม และคณะ สนับสนุนโดย ศวปถ. , มสช. , สสส. (กย.2554) โดยผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน(นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์)ไฟล์สถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ copy.pdf ของ ศวปถ.
(2)สถานการณ์อุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะในปี 2561 มีความสำคัญดังนี้:
สถิติอุบัติเหตุของรถทัวร์ไม่ประจำทาง (ชั้นเดียวและสองชั้น) ปี 2560 และ 2561 (ม.ค.-มิ.ย. 2561): การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุของรถทัวร์ไม่ประจำทางชั้นเดียวและสองชั้นในช่วงสัปดาห์หรือเดือนแรกของปี 2561 ช่วยให้ทราบถึงความเสี่ยงและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในกลุ่มรถโดยสารสาธารณะที่มีลักษณะพิเศษนี้
สถิติอุบัติเหตุของรถตู้โดยสาร ปี 2559-2561: การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุของรถตู้โดยสารในระหว่างปี 2559-2561 ช่วยให้เข้าใจถึงความเสี่ยงและปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดอุบัติเหตุในกลุ่มรถตู้โดยสาร
การวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะในปี 2561 เป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยในการวางแผนการป้องกันและลดอุบัติเหตุในกลุ่มรถโดยสารสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม โดยการใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการพัฒนามาตรการป้องกันและการจัดการที่เหมาะสมในการใช้ถนนและรถโดยสารในปีถัดไป
ที่มา : ไฟล์สถานการณ์อุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะ ปี 2561 cpy.pdf 26 หน้า (ไม่ระบุปีที่จัดทำ) จัดทำโดยศวปถ. มนป. สนับสนุนโดย สสส.


เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ภาคีสร้างสุข และ สสส.จัดทำ"รายงานสรุปการควบคุมความปลอดภัยทางท้องถนนโดยชุมชนท้องถิ่น (ขับขี่ปลอดภัย)" ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564 - 4 มกราคม 2565 นำเสนอในรูปแบบ Infographic เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสื่อสารข้อมูลสำคัญที่ช่วยเพิ่มความตระหนักรู้และการทำงานร่วมกันในชุมชนท้องถิ่นเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยทางถนน
เข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น
ความคิดเห็น 0