บทนำ
Highlight
• การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติมีประโยชน์กว่าที่คิด สิ่งนี้เรียกว่า 'บริการระบบนิเวศทางวัฒนธรรม' หรือที่เรียกว่า การมีส่วนร่วมกับธรรมชาติที่ไม่ใช่วัตถุ ซึ่งเป็นปฏิสัมพันธ์ที่จับต้องไม่ได้ แต่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ ทัศนคติ พฤติกรรม และค่านิยมในระยะเวลาสั้น
• การอยู่ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติส่งผลต่อสุขภาพ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจลดลง ความดันโลหิตลดลง ลดฮอร์โมนความเครียดลงได้ ลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า เกิดความภาคภูมิใจในตนเองที่ดีขึ้น
• การศึกษาในปี 2019 พบว่าการใช้เวลานอกสถานที่ 120 นาทีในแต่ละสัปดาห์ มีความสัมพันธ์กับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และอีกการศึกษาในปี 2021 พบว่าการใช้เวลากลางแจ้งเพียง 30 นาทีสามารถลดความดันโลหิตได้เกือบ 10%
งานวิจัยชี้ การเชื่อมโยงกับธรรมชาติช่วยลดภาวะซึมเศร้า สร้างสุขภาพที่ดี
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียวชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของการใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เพราะการที่เราเชื่อมต่อกับธรรมชาติจะให้โอกาสเราได้พักผ่อนหย่อนใจ ได้เติมเต็มจิตวิญญาณ การพัฒนาตัวเอง เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม และประสบการณ์ทางสุนทรียะ ซึ่งประโยชน์เหล่านี้มีมากกว่ากว่าที่เราเคยเชื่อกัน
สิ่งนี้เรียกว่า 'บริการระบบนิเวศทางวัฒนธรรม' (Cultural Ecosystem Services - CESs) หรือที่เรียกว่า “ปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติแบบที่จับต้องไม่ได้" ที่ทำให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดีที่ธรรมชาติได้มอบให้
งานวิจัยได้กำหนด "กลไกของปัจเจกบุคคล" ที่เป็นการเชื่อมต่อกับธรรมชาติอย่างเฉพาะเจาะจงมากขึ้นเป็น 10 กลไก หนึ่งในกลไกเหล่านั้น เช่น การพัฒนาความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่มีความหมายผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติ เกิดความเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ ทัศนคติ พฤติกรรม และค่านิยมในระยะเวลาสั้น ๆ หลังมีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติ รู้สึกว่าความคาดหวังและความต้องการของเราได้รับความพึงพอใจจากการมีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติ และยังมีกลไกที่เหนือวัตถุ คือ เกิดประโยชน์ด้านคุณค่าทางศาสนาหรือจิตวิญญาณหลังจากมีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติ
กลไกเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดขึ้นได้หลายวิธี ตัวอย่างเช่น การเดินเล่นสบาย ๆ ในป่า ช่วยทำความสะอาดชายหาด สำรวจชุมชนใหม่ ๆ หรือหาผลไม้ป่า ล้วนเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นความรู้สึกผูกพัน หรืออาจทำกิจกรรมนันทนาการที่มีพื้นฐานมาจากธรรมชาติ เช่น การทำสวน นี่คือปฏิสัมพันธ์แบบข้ามประเภทที่จะครอบคลุมทั้งกลไกทางความคิดและวิวัฒนาการ
ถึงจะมีข้อดีมากมาย แต่นักวิจัยยังเห็นผลลัพธ์ที่ไม่ค่อยดีนักระหว่าง CES กับความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ โดยค้นพบกลไกเชิงลบบางประการ เช่น การเสื่อมสภาพหรือการสูญเสียของระบบ CES ที่มีอยู่ เช่น สวนสาธารณะที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษาหรือการสร้างอาคารในเขตเมือง หรืออาจเกิดการ "การก่อกวน" เช่น นกร้องส่งเสียงดังตลอดเวลาที่อยู่นอกหน้าต่าง ซึ่งบางคนอาจรู้สึกรำคาญ
นอกจากนี้ยังมี "การแลกเปลี่ยน" ซึ่งบางคนได้รับประโยชน์จาก CES เฉพาะอย่าง แต่บางคนไม่ได้รับประโยชน์แบบนั้น ตัวอย่างเช่น ในชุมชนพื้นเมือง การส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวสามารถสร้างโอกาสในการพักผ่อนหย่อนใจให้กับผู้มาเยือน และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อคนในท้องถิ่นบางส่วน อย่างไรก็ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาอาจทำลายจิตวิญญาณท้องถิ่น ถึงกระนั้นผลการศึกษาส่วนใหญ่ก็เป็นไปในเชิงบวก
ธรรมชาติไม่ได้ให้ประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจจากสิ่งเร้าทางสายตาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเสียง กลิ่น และประสาทสัมผัสอื่น ๆ ทั้งหมดด้วย และมนุษย์อาจจะมีการตอบสนองทางสรีรวิทยาต่อการอยู่ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจลดลง ความดันโลหิตลดลง และความตึงของกล้ามเนื้อลดลง และยังสามารถลดคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ซึ่งเพิ่มระดับของการฟื้นฟูทางจิตใจ ทำให้เกิดสมาธิที่ดีขึ้น และความรู้สึกเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ผู้เข้าร่วมในการศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้ได้รายงานถึงประโยชน์จากการเชื่อมโยงกับธรรมชาติต่อสภาวะจิตใจ เช่น ลดระดับความเครียด ลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า เกิดความภาคภูมิใจในตนเองที่ดีขึ้น เพิ่มความมั่นใจ เป็นต้น
แม้ว่าเราจะไม่มีเวลาเข้าไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติได้มาก เพราะไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่เวลารัดตัว แต่การสัมผัสกับธรรมชาติแบบง่าย ๆ ก็ส่งผลสะเทือนยิ่งใหญ่แล้ว มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการมองดูธรรมชาติจากเตียงในโรงพยาบาลอาจทำให้การฟื้นตัวจากการผ่าตัดสั้นลง และส่งผลต่อความเจ็บปวดที่เรารู้สึก
การศึกษาในปี 2019 พบว่าการใช้เวลานอกสถานที่ 120 นาทีในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งสามารถแบ่งย่อยเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ได้ มีความสัมพันธ์กับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และอีกการศึกษาหนึ่งในปี 2021 พบว่าการใช้เวลากลางแจ้งเพียง 30 นาทีสามารถลดความดันโลหิตได้เกือบ 10% แต่โดยสรุปคือควรใช้เวลา 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์หรือมากกว่านั้น และเพียง 20 นาทีต่อวันก็สามารถส่งผลดีได้
เราอาจหางานอดิเรกที่ช่วยให้เราได้ใช้เวลานอกบ้านมากขึ้น เช่น ดูนก ทำสวน หรือเพียงแค่ออกไปวิ่ง หากอยู่ในเมืองก็อาจเดินเล่นในย่านใหม่ ๆ หรือแม้แต่การเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางตอนเช้าก็อาจสร้างความแตกต่างได้เช่นกัน จะยิ่งดีหากเดินทางไปทำงานโดยผ่านสวนสาธารณะ หรือบริเวณที่เงียบสงบซึ่งมีต้นไม้เยอะ ๆ
ในสถานที่ทำงานก็อาจสร้างบรรยากาศด้วยการเพิ่มพืชในร่มมากขึ้น ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ ควรให้แสงแดดส่องเข้ามาได้มากที่สุด รวมถึงการแขวนภาพและงานศิลปะสถานที่ทางธรรมชาติ วิธีง่าย ๆ ดังกล่าวสามารถช่วยกระตุ้นความรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติได้แล้ว เพื่อสุขภาพกาย-ใจที่ดีขึ้น
อ้างอิง
1 ถูกใจ 590 การเข้าชม
งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ
งานบทความที่เกี่ยวข้อง
เข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น
ความคิดเห็น 0