สสส.ให้การสนับสนุนภาคีเครือข่ายหลักคือ ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) เพื่อส่งเสริม "มาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน" ในหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และท้องถิ่น เพื่อลดและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน กลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ และรถกระบะ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญตามรายงานการจัดอันดับความปลอดภัยทางถนนของโลก ปี 2561 จากองค์การอนามัยโลก โดยมุ่งสร้างความตระหนักและเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้มีการดำเนินงานร่วมกันในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างมีประสิทธิภาพในระดับภูมิภาค ภาคเครือข่าย และระดับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ด้วยการสนับสนุนและสร้างความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ และท้องถิ่น เพื่อให้มีการออกแบบและดำเนินการมาตรการที่เหมาะสมในการลดความเสี่ยงและป้องกันอุบัติเหตุทางถนนอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
-ศวปถ. ได้จัดทำหนังสือ “แนวคิดและบทเรียนของมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน” ซึ่งมีความสำคัญในการตั้งกฎระเบียบและข้อบังคับในการดูแลบุคลากรในองค์กรเพื่อให้มีการใช้ยานพาหนะทุกประเภทในการเดินทางอย่างปลอดภัย รวมถึงการจัดทำระบบมาตรฐานความปลอดภัยทางถนนที่เหมาะสมกับบริบทขององค์กร เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยเน้นการวิเคราะห์รากของปัญหาเพื่อจัดทำมาตรการและระบบที่เหมาะสม ภายในหนังสือยังนำเสนอตัวอย่างการประยุกต์ใช้หลัก Occupational Health Safety (OHS) , Haddon Matrix , และ The UK Health and Safety Executive Guidance จากประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา เพื่อให้เกิดการสร้างโปรแกรมฝึกอบรมและให้คำแนะนำเพื่อแก้ไขพฤติกรรม สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัย และตรวจสุขภาพตาให้พนักงานขับขี่ นอกจากนี้ยังมีการยกตัวอย่างการทำกิจกรรมและผลการดำเนินงานของสถานประกอบการในประเทศไทย 5 แห่ง เช่น บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ทำโครงการคนขับคนซ้อนปลอดภัย สวมหมวกนิรภัย 100% และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ทำโครงการขับขี่ปลอดภัย รักวินัยจราจรกับ ปตท. โครงการเหล่านี้เป็นตัวอย่างการใช้เครื่องมือและหลักการที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความปลอดภัยทางถนนในสถานประกอบการในประเทศไทย
-ศวปถ.ได้สรุปภาพรวมบทเรียนจากมาตรการองค์กรของสถานประกอบการ และเสนอ 7 แนวทางสู่ความสำเร็จ ซึ่งเน้นการทำงานร่วมกับกลุ่มเป้าหมายหลัก เช่น จป. เจ้าของสถานประกอบการและกลุ่มพนักงาน โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับระเบียบความปลอดภัยทั้งในและนอกสถานประกอบการเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในระยะยาว นอกจากนี้ยังรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ ในรูปแบบฐานข้อมูล เพื่อทำการเปรียบเทียบก่อนหลังเพื่อวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรค เพื่อให้การกำหนดมาตรการเป็นรูปธรรมและประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเน้นให้ผู้บริหารมองทั้งบุคคล สังคม และสิ่งแวดล้อมในการกำหนดมาตรการ โดยเช่นการให้รางวัลพนักงานที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้มาตรการเป็นรูปธรรมและประสบความสำเร็จอย่างเต็มที่ในองค์กร
ที่มา:หนังสือแนวคิดและบทเรียนมาตรการองค์กร ศวปถ.pdf โดย ศวปถ. มนป. สนับสนุนโดย สสส. (มีค.2561) 64 หน้า
-สอจร. ภายใต้การสนับสนุนจาก สสส.ได้ดำเนินงาน มาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนนในหน่วยงานต่างๆ ภายใต้การสนับสนุนจาก สอจร. เริ่มตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา โดยมีองค์กรที่เข้าร่วมดำเนินการกับ สอจร. จำนวน 845 องค์กร ซึ่งมีการนำนโยบาย แนวคิด และกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้ เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการจัดการความเสี่ยงต่างๆ เช่น การใช้ยานพาหนะ การเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์/รถยนต์ของพนักงาน การโดยสารรถรับ-ส่งพนักงาน การดัดแปลงสภาพรถรับ-ส่งพนักงาน เป็นต้น มีมาตรการองค์กรที่สำคัญ เช่น การใกล้ไกลขี่รถจักรยานยนต์ต้องเปิดไฟ ใส่หมวก ดื่มไม่ขับเด็ดขาด ขับรถคาดเข็มขัดนิรภัย และการติดตั้ง GPS ในรถ สำหรับการควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงของพนักงานขับรถ เป็นต้น ทั้งนี้ การตรวจสอบความปลอดภัยของยานพาหนะ และควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงของพนักงานขับรถ มีการดำเนินการอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะองค์กรประเภทธุรกิจขนส่งสินค้าที่เป็นอันตราย และผลการดำเนินงานพบว่า ครึ่งหนึ่งขององค์กรที่เข้าร่วมมีผู้สวมหมวกนิรภัยครบ 100% และมีการตรวจสอบความปลอดภัยของยานพาหนะอย่างเคร่งครัด ดังนั้น การดำเนินการมาตรการองค์กรในสถานประกอบการเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนในองค์กรและชุมชนในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้
-คณะทำงาน สอจร. ได้สรุปถอดบทเรียนเกี่ยวกับการสร้างมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนนเป็น 2 ชุด/เล่ม โดยรวมประสบการณ์การดำเนินงานมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนนขององค์กรที่ได้รับทุนจาก สอจร. โดยให้เห็นถึงแนวคิด กลยุทธ์ และวิธีการทำงานของคณะทำงาน สอจร. ที่นำไปใช้ในการขับเคลื่อนงานร่วมกับองค์กรต่างๆ ภายใต้ความสัมพันธ์ของ 2 กลุ่ม โดยมีการกำหนด Framework การขับเคลื่อนมาตรการองค์กรของภาคีแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่น และสถานศึกษา: จะใช้กลไกตามโครงสร้าง ศวปถ. ทั้ง 3 ระดับ เพื่อสร้างมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนนในองค์กรของพวกเขา
2.กลุ่มหน่วยงานภาคเอกชน และสถานประกอบการ นิคมอุตสาหกรรมที่มีบทบาทในการดูแลความปลอดภัยของพนักงานทั้งในและนอกงาน: จะใช้เครื่องมือและกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการสร้างและดำเนินการมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนนในองค์กรของพวกเขา โดยให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยของพนักงานที่เดินทางหรือใช้ยานพาหนะในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หรือการใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจสอบและควบคุมการขับขี่อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยในพื้นที่ที่จำเป็น เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิด และ GPS ในรถ และการส่งเสริมให้พนักงานสวมหมวกนิรภัย 100%
.png)
การดำเนินงานเพื่อความปลอดภัยทางถนนในองค์กรได้ใช้แนวคิดและกลยุทธ์หลากหลายที่สำคัญ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงให้มีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ดังนี้
1.การสร้างกระบวนการตามกลไกของ ศาสตร์รับรู้ถึงสิทธิ (The OTTAWA Charter) โดยเน้นการสร้างนโยบายสุขภาพ สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนสุขภาพ และพัฒนาทักษะส่วนบุคคลเพื่อสร้างพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ
2.แนวคิดในการสร้างการมีส่วนร่วม โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐ
3.แนวคิด "สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา" ซึ่งเน้นการสร้างความรู้ การเคลื่อนไหวทางสังคม และอำนาจรัฐ/อำนาจการเมือง
4.ทฤษฎี INN (Individual-Node-Network) ในการสร้างเครือข่าย
5.หลักการดำเนินงาน PDCA (Plan-Do-Check-Act)
6.การใช้ทฤษฎี Maslow เพื่อสร้างแรงจูงใจให้พนักงานมีพฤติกรรมเสี่ยงลดลง และเข้าใจบริบทและเกิดความรับผิดชอบในเรื่องความปลอดภัย
7.แนวทางการดำเนินงานของ สอจร. บนหลักการ 5 ส 5 ช รวมถึงนโยบายที่เข้ามาเสริมหนุน เช่น นโยบาย Safety Thailand และมาตรฐาน ISO 39001
การดำเนินงานดังกล่าวได้เน้นใช้เทคนิคและเครื่องมือที่หลากหลาย เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพที่สูง และได้ผลลัพธ์ที่ดีในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนและสร้างสภาวะที่ปลอดภัยในการใช้ถนนในองค์กร การสร้างการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างองค์กรช่วยส่งเสริมการพัฒนาและปรับปรุงของมาตรการองค์กรให้เป็นไปตามที่ต้องการอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในระยะยาว
.png)
คณะทำงาน สอจร. ได้นำเสนอตัวอย่างองค์กรที่ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรมในด้านความปลอดภัยทางถนน โดยมีสองชุดของตัวอย่างดังนี้:
1.การถอดบทเรียนผลการดำเนินงานโครงการสานพลังมาตรการองค์กร โดยแบ่งเป็น 40 องค์กร จำแนกตามภูมิภาคและประเภทองค์กรต่าง ๆ ซึ่งสำรวจและจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ บริบทพื้นที่/แรงจูงใจ แนวคิดในการดำเนินงาน กระบวนการ/ขั้นตอนและเครื่องมือที่ใช้ ภาคีและบทบาทหน้าที่ ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และปัจจัยความสำเร็จ โดยมุ่งเน้นการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างองค์กร
2.การถอดบทเรียนมาตรการองค์กรระยะที่ 3 โดยคัดเลือกองค์กรที่มีผลการดำเนินงานส่งเสริมและรณรงค์ให้บุคลากรในองค์กรสวมหมวกนิรภัยและคาดเข็มขัดนิรภัย 100% เป็นกิจกรรมหลัก และมีกิจกรรมอื่นๆ ที่สอดคล้องกับกรอบแนวคิดทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน 5 ด้าน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ภาคเอกชน ภาครัฐ และสถานศึกษา โครงการนี้มีองค์กรจำนวน 40 องค์กรที่รวมถึงนิคมอุตสาหกรรม โดยครอบคลุมประเด็นสำคัญตาม 5 เสาหลัก (ด้านการบริหารจัดการ ด้านถนนและสภาพแวดล้อม ด้านรถ ด้านคน และด้าน EMS)
ผลจากการถอดบทเรียนทั้ง 2 โครงการข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนมาตรการองค์กรที่มีองค์ประกอบของการดำเนินงานที่ครบวงจร ดังนี้:
1.การวิเคราะห์สภาพปัญหาและสถานการณ์ในพื้นที่: การตรวจสอบปัญหาทั่วไปและปัญหาเฉพาะที่พบในองค์กรเป็นส่วนสำคัญของการเริ่มต้นการดำเนินงานโดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น พฤติกรรมเสี่ยง สภาพถนนและสิ่งแวดล้อม และปัญหาเชิงระบบ เพื่อให้เข้าใจดีขึ้นว่าปัญหาอะไรที่ต้องการแก้ไขและเริ่มต้นการวางแผนการดำเนินงาน
2.การประยุกต์ใช้แนวคิดในการจัดการ: การนำแนวคิดต่าง ๆ เข้ามาช่วยในการจัดการปัญหาความปลอดภัยทางถนน เช่น การจัดการเป็นระบบ การสร้างการมีส่วนร่วม การใช้ทฤษฎี INN และการใช้ทฤษฎี Maslow เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน เป็นต้น
3.การวิเคราะห์ภาคีและบทบาทความรับผิดชอบ: การกำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของแต่ละกลุ่มหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานอย่างมีประสิทธิภาพ
4.การกำหนดขั้นตอนการดำเนินงาน: การพัฒนาและจัดการความรู้ ระบบข้อมูล และศักยภาพผู้นำและภาคีเครือข่าย เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิผล
5.การสรุปบทเรียนหลังการดำเนินงาน: การนำเสนอประสบการณ์และการเรียนรู้จากการดำเนินงานเพื่อสร้างการเรียนรู้และส่งผลต่อการดำเนินงานในอนาคต
ทั้งนี้ เห็นได้ว่าการสำรวจปัญหา การปรับใช้แนวคิดในการจัดการ การวิเคราะห์ภาคีและบทบาทความรับผิดชอบ และการกำหนดขั้นตอนการดำเนินงาน เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้มาตรการองค์กรเป็นไปได้อย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพในการสร้างความปลอดภัยทางถนนในท้องถิ่นให้เติบโตและพัฒนาอย่างเหมาะสม และสามารถตอบสนองต่อความต้องการและความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงได้ในขณะเดียวกัน
ที่มา:(1) หนังสือถอดบทเรียนโครงการสานพลังสร้างมาตรการองค์กร เพื่อความปลอดภัยทางถนน , บรรณาธิการ สุพัตรา สำราญจิตร์ และคณะทำงาน สอจร. จัดพิมพ์โดย สอจร. สนับสนุนโดยมนป. , สสส. (ไม่ระบุปีที่พิมพ์) 2) หนังสือสิ่งที่ได้เรียนรู้จากมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน บรรณาธิการ สุพัตรา สำราญจิตร์ และคณะทำงาน สอจร. สนับสนุนโดย มนป., สสส. (พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2563))
-การจัดทำเอกสาร "บทสรุปสำหรับผู้บริหาร" เป็นการสรุปความเชื่อมโยงระหว่างการขับเคลื่อนงานของกลุ่มองค์กรกับบทบาทของคณะทำงานสอ.จร. (ทีมบริหารภาคและพี่เลี้ยงจังหวัด) ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างความเข้าใจและการร่วมมือในการสนับสนุนและการพัฒนามาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน โดยมีจุดเน้นหลักดังนี้:
1.การนำเสนอคุณค่าและความหมายของมาตรการองค์กรในนิยามของ สอจร.: เอกสารช่วยให้ผู้บริหารเข้าใจถึงความสำคัญของมาตรการองค์กรในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยภายในองค์กร และทำให้เห็นภาพรวมของการนำมาตรการนี้มาใช้เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน
2.การให้ความสำคัญกับบทบาทของภาครัฐและภาคเอกชน: เอกสารชี้ให้เห็นว่าการมีบทบาททั้งสองภาคสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อสนับสนุนนโยบายและเพิ่มความเข้มแข็งให้คนในองค์กรและชุมชน
3.การนำเสนอหลักการขับเคลื่อนมาตรการองค์กร: เอกสารระบุหลักการและวิธีการที่ใช้ในการพัฒนาและดำเนินการมาตรการองค์กร ใช้วิธีการ 5 ขั้นตอน เพื่อให้มาตรการเป็นไปอย่างระบบและมีประสิทธิภาพ
4.การสรุปบทเรียนและการประเมินผล: เอกสารช่วยให้ผู้บริหารสามารถสรุปบทเรียนจากการดำเนินงานและประเมินผลการดำเนินงานเพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาต่อไป
ดังนั้น เอกสาร "บทสรุปสำหรับผู้บริหาร" เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญในการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือในการสนับสนุนและพัฒนามาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนนในท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง
ที่มา:บทสรุปสำหรับผู้บริหาร : 24 หน้า (ไม่ระบุปีที่พิมพ์)
-ศวปถ. ให้การสนับสนุนการศึกษาทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับการประเมินผลการตอบแทนทางสังคมในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนด้านความปลอดภัยทางถนนของสถานประกอบการ มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากมีประโยชน์ไม่เพียงแค่ในด้านการดำเนินกิจการของสถานประกอบการเอง แต่ยังมีผลประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมในการลดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งสร้างประโยชน์ที่หลากหลายอย่างเช่น:
1.การลดอุบัติเหตุ: การศึกษาพบว่าการลงทุนในมาตรการความปลอดภัยทางถนนในสถานประกอบการช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนอย่างมีนัยสำคัญ โดยการปรับพฤติกรรมของพนักงานและการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร
2.การลดค่าใช้จ่าย: การลดอุบัติเหตุทางถนนช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการเช่น ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงยานพาหนะ ค่ารักษาพยาบาล และค่าเสียหายในการทำงานที่ไม่สามารถดำเนินได้
3.การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ: มาตรการความปลอดภัยทางถนนช่วยลดความเสี่ยงต่อธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทำให้ธุรกิจมีโอกาสในการเติบโตและพัฒนาได้มากขึ้น
4.การเสริมสร้างภาพลักษณ์: การดูแลและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงานและสังคมที่อยู่ใกล้เคียงช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรหรือสถานประกอบการ
นอกจากนี้ การศึกษายังพบว่าประเทศที่พัฒนาแล้วได้ให้ความสำคัญกับการสร้างนโยบายที่สนับสนุนสถานประกอบการในการดำเนินงานเรื่องความปลอดภัยทางถนน .png)
ที่มา:เอกสารโครงการทบทวนวรรณกรรมว่าด้วยเรื่องของการประเมินผลการตอบแทนทางสังคม กรณีศึกษาการลงทุนด้านความปลอดภัยทางถนนของสถานประกอบการ โดย พุดตาน พันธุเณร และเฉลิมภัทร พงษ์อาจารย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร สนับสนุนโดย ศวปถ. 27 หน้า ไม่ระบุปีที่พิมพ์
-การสนับสนุนจากศวปถ., มนป. และสสส. ใน “การพัฒนาคู่มือการจัดการความปลอดภัยทางถนนสำหรับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพในสถานประกอบกิจการ” มีความสำคัญเนื่องจากเป็นการกระตุ้นให้มีการทบทวนนโยบาย กฎหมาย และระเบียบของกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการทำงาน รวมถึงการศึกษาสถานการณ์ของอุบัติเหตุทางถนนในสถานประกอบการของไทยและสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และการวางแผนการจัดการในสถานประกอบการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละประเทศ
นอกจากนี้ มีการกำหนดชุดฝึกอบรมที่มุ่งเน้นที่ความเข้าใจของมาตรฐาน ISO 39001 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยรับทราบและเข้าใจถึงข้อกำหนดมาตรฐานอย่างชัดเจน และสามารถทำการพัฒนาระบบการจัดการความปลอดภัยทางถนนตามมาตรฐานดังกล่าวได้ เพื่อให้มีการตรวจสอบและประเมินระบบการจัดการความปลอดภัยทางถนนอย่างเป็นระบบ มีการจัดทำหลักสูตรการตรวจประเมินภายในระบบการจัดการความปลอดภัยทางถนนตามมาตรฐาน ISO 39001 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพสามารถทำงานตรวจสอบและประเมินการดำเนินงานในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ การบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัยแรงงานอย่างเคร่งครัดเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้มีการปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่กำหนดไว้อย่างเข้มงวดในสถานประกอบการ ซึ่งเป็นการสร้างศักยภาพให้กับสถานประกอบการในการปรับตัวและป้องกันอุบัติเหตุทางถนนอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
-คู่มือการพัฒนาระบบการจัดการ ISO 39001 แบบ Self Learning เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างและรักษาระบบการจัดการความปลอดภัยทางถนนในองค์กร โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนให้กับองค์กรหลักภาคเอกชน เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อให้สถานประกอบการที่เกี่ยวข้องพัฒนาและรักษาระบบการจัดการ ISO 39001 อย่างมีประสิทธิภาพ
คู่มือฉบับนี้ประกอบด้วยขั้นตอนการจัดการความปลอดภัยทางถนน 9 ขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งประกอบไปด้วย:
1.การกำหนดขอบเขตของระบบการจัดการความปลอดภัยทางถนน
2.การศึกษาบริบทองค์กรเพื่อชี้บ่งปัญหา
3.การศึกษาปัจจัยเสี่ยง (Risk Exposure Factors)
4.การชี้บ่งอันตราย (Hazard Identification)
5.การประมาณระดับความเสี่ยง (Risk Estimation)
6.การกำหนด Final Safety Outcome Factors และ Intermediate Safety Outcome Factors
7.การปฏิบัติตามแผนงานโครงการและมาตรการที่กำหนด
8.การตรวจประเมินภายใน
9.การทบทวนการจัดการและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ที่มา:รายงานโครงการพัฒนาคู่มือการจัดการความปลอดภัยทางถนนสำหรับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพในสถานประกอบกิจการ โดย รศ.สราวุธ สุธรรมาสา สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มสธ. (กพ. 2562) 109 หน้า
-การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเกณฑ์มาตรฐานการจัดการความปลอดภัยทางถนน (ISO 39001) เป็นสิ่งสำคัญที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาและรักษาความปลอดภัยบนถนนในหลากหลายกิจการและขนาดองค์กร มาตรฐานนี้ประกอบด้วย 7 ข้อกำหนดหลักและ 25 ข้อกำหนดรอง ที่ทุกองค์กรสามารถประยุกต์ใช้ได้ โดยไม่ว่าจะเป็นประเภทขนาดหรือผลิตภัณฑ์บริการในประเทศไทยมีการจัดทำเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยทางถนน 3 ระดับ ซึ่งประกอบไปด้วย:
ระดับ 1: ระดับพื้นฐาน มี 7 ข้อกำหนดหลัก 27 ข้อกำหนดย่อย
ระดับ 2: ระดับก้าวหน้า มี 7 ข้อกำหนดหลัก 41 ข้อกำหนดย่อย
ระดับ 3: ระดับสมบูรณ์ (ข้อกำหนด ISO 39001) มี 7 ข้อกำหนดหลัก 25 ข้อกำหนดย่อย
เกณฑ์มาตรฐานนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกประเภทขององค์กรโดยไม่จำกัดเพียงแค่ขนาดหรือผลิตภัณฑ์หรือบริการ เนื่องจากมีการจัดทำแนวทางตรวจประเมินและแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับทั้ง 3 ระดับของมาตรฐานนี้
ที่มา:(1) บทความเรื่อง ISO 39001 มุมความรู้จากวารสารความปลอดภัยและสุขภาพ โดย รศ. สราวุธ สุธรรมาสา ในจุลสารสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพออนไลน์ มสธ. ฉบับที่ 4 ปี 2556 2) รายการตรวจสอบและทวนสอบกิจกรรมหรือสิ่งที่ต้องจัดให้มีตามข้อกำหนด ISO 39001 , การกําหนด RTS Performance Factors , บัญชีรายชื่อ Interested Parties และบัญชีรายชื่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ RTS โดย รศ. สราวุธ สุธรรมาสา (Workshop 19 มีนาคม 2561) และ 3) (ร่าง) เกณฑ์มาตรฐานฯ (ฉบับปรับปรุงวันที่ 20 เมษายน 2563 และแนวทางการตรวจประเมิน ระดับที่ 1,2,3
-สอจร. , ศวปถ. และ สสส. ได้จัดทำเอกสารที่มุ่งเน้นให้เกิดความเข้าใจในเรื่องของมาตรการองค์กรสำหรับความปลอดภัยทางถนน โดยมีเอกสารสำคัญอย่างเช่น
1.เอกสารองค์กรสวมหมวกนิรภัย 100% ต้นแบบการลดอุบัติเหตุจราจรของสถานประกอบการ: เอกสารนี้เน้นการสร้างการรับรู้และการตระหนักถึงผลของการไม่สวมหมวกนิรภัย โดยจุดเน้นเป็นการสร้างทัศนคติที่ดีในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุด้วยการสวมหมวกนิรภัย มีการเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาโดยใช้งานตรงจากประสบการณ์จริง และมีการแสดงผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
2.แนวทางการขับเคลื่อนของสสส.: สสส. กำหนดขั้นตอนและแนวทางการดำเนินงานเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการสวมหมวกนิรภัย โดยมุ่งเน้นให้การปฏิบัติงานเป็นเรื่องจริง มีการเจรจาและสร้างความร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนและลดการสูญเสียแรงงานในองค์กร
ขั้นตอนและแนวทางการดำเนินงาน
1.การวางแผนและเตรียมทีมงาน: มีการกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ชัดเจน และกำหนดตัวชี้วัดการปฏิบัติงาน
2.ระดมสมองแก้ไขปัญหา: มีการสำรวจ ประเมิน และวิเคราะห์สถานการณ์การสวมหมวกนิรภัยในองค์กร และกำหนดแรงจูงใจและบทลงโทษที่ชัดเจน
3.ปรับความเข้าใจ: มีการประชุมชี้แจงพนักงานเพื่อให้ยอมรับข้อบังคับและสนับสนุนให้ฝ่ายปฏิบัติการทำหน้าที่ได้สะดวกขึ้น
4.มีมาตรการลงโทษชัดเจน: มีการจับจริง ปรับจริง เช่น มีเจ้าหน้าที่ตรวจจับคอยดูแลตักเตือน และมีการบันทึกภาพและข้อมูลผู้กระทำผิดส่งให้หัวหน้าแผนกต่างๆ
5.ขอความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายภายนอก: เช่น ให้ตำรวจตั้งด่านสกัดหน้าองค์กร
6.ติดตามและประเมินผล: โดยสำรวจตัวแปรที่เกี่ยวข้อง เช่น ยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ และยอดขายหมวกนิรภัยรอบๆ องค์กร
รวมถึงมีการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง โดยมีกรณีศึกษาของบริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล
ที่มา:เอกสาร pdf 20 หน้า (ไม่ระบุปีที่พิมพ์) โดย สสส.
•Power point การนำเสนอมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน ดังนี้
1.การวิเคราะห์สถานการณ์: การนำเสนอมาตรการองค์กรเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์สถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย โดยการระบุกลุ่มเสี่ยง แนวโน้มความรุนแรง และความสูญเสียต่อชีวิตและเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการกำหนดมาตรการที่เหมาะสม
2.นิยาม "มาตรการองค์กร": เป็นการกำหนดกฎ ข้อกำหนด และระเบียบในการดูแลบุคลากรในองค์กร เพื่อสัญจรไปบนถนน สะพาน ทางเท้า และขอบทางอื่นๆ ให้พ้นจากอันตราย ซึ่งเป็นฐานในการสร้างความตระหนักรู้และเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทิศทางที่เชิงบวก
3.ตัวอย่างการดำเนินการ: การนำเสนอตัวอย่างของมาตรการองค์กร เช่น การเปิดไฟใส่หมวก การคาดเข็มขัดนิรภัย การดื่มไม่ขับ การขับรถไม่เร็ว การป้องกันความง่วงในขณะขับ และการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยบนรถตู้องค์กร เป็นต้น
4.การเชื่อมโยงระหว่างระดับ: การแสดงถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงการขับเคลื่อนงานตั้งแต่ระดับนานาชาติ ระดับประเทศ สอจร. และระดับพื้นที่ เพื่อสร้างโอกาสและการขยายผลสู่ความยั่งยืน
5.ผลสัมฤทธ์ที่เป็นความสำเร็จ: การกล่าวถึงผลสัมฤทธ์ที่เกิดขึ้นจากมาตรการองค์กร เช่น การลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์ การไม่เกิดอุบัติเหตุระหว่างขนส่งสินค้าให้เป็นตรงตามเวลา และภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร โดยมีปัจจัยที่ส่งผลมากในด้านพฤติกรรมเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน การมีส่วนร่วม/การให้อำนาจ และการเกิด Safe System
6.แนวคิดการจัดการภายในองค์กร: การกล่าวถึงแนวคิดการจัดการภายในองค์กร เช่น กิจกรรม/กระบวนการที่ใช้ ภาคีที่เกี่ยวข้องและบทบาท ปัจจัยความสำเร็จ
ที่มา:Power point 22 slides (ไม่ระบุผู้นำเสนอและปีที่นำเสนอ) จัดทำโดย สอจร. , มูลนิธิเพื่อความปลอดภัยทางถนน สนับสนุนโดย สสส.
• Fact Sheet เกี่ยวกับ "สถานการณ์และระบบมาตรฐานความปลอดภัยในรถรับส่งพนักงาน" มีข้อมูลดังนี้
การนำเสนอสถิติ: Fact Sheet นำเสนอข้อมูลสถิติเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถรับส่งพนักงาน ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยใช้ข้อมูลจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ในช่วงปี 2554-2558
กรณีตัวอย่าง: นำเสนอกรณีตัวอย่างของระบบการจัดการความปลอดภัยสำหรับรถรับส่งพนักงานของบริษัทซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) ซึ่งมีโครงการผู้นำรถบัสเพื่อควบคุมประสิทธิภาพการขับขี่และสมรรถนะของยานพาหนะ
รายงานผลประเมิน: บริษัทฯ รายงานผลประเมินระบบความปลอดภัยไปยังผู้จัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม (EHS) และผู้รับเหมาขนส่งพนักงาน เพื่อให้ทราบถึงประสิทธิภาพและการปรับปรุงที่จำเป็น
ที่มา:Factsheet “สถานการณ์และระบบมาตรฐานความปลอดภัยในรถรับส่งพนักงาน” ขนาด 4 หน้า สนับสนุนข้อมูลจากบริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด จัดพิมพ์โดย ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ศวปถ. มนป.และ สสส. (ไม่ระบุปีที่พิมพ์)
•โปสเตอร์เกี่ยวกับ "มาตรการองค์กร สู่นิคมฯต้นแบบความปลอดภัยทางถนน" นำเสนอ 4 เรื่องดังนี้
1.ทำไมต้องทำมาตรการองค์กร:
¬พนักงานประสบอุบัติเหตุและการบาดเจ็บทางถนนมาก
¬การบาดเจ็บนอกงานมากกว่าในงาน ส่งผลให้เกิดภาระต่อองค์กร ครอบครัว สังคม และประเทศในการดูแลเหยื่อจากอุบัติเหตุทางถนน
2.กระบวนการทำงาน:
¬การอบรมภาคีเครือข่ายใน/นอกเขตนิคมฯ
¬การจัดกิจกรรมเสริมสร้างระบบควบคุมที่นำไปสู่การเกิดวัฒนธรรมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของคนงาน
¬การตรวจประเมินสถานประกอบการ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สถานประกอบการที่เป็นต้นแบบ
3.ผลลัพธ์เชิงประจักษ์:
¬สถานประกอบการมีการลดอุบัติเหตุลง
¬มีสถานประกอบการต้นแบบที่เป็นแหล่งเรียนรู้ในการทำมาตรการองค์กร
¬สถิติพนักงานไม่สวมหมวกนิรภัยลดลงอย่างต่อเนื่อง
¬จำนวนเมาแล้วขับลดลง 100%
¬มีการขยายผลไปยังสถานศึกษารอบนิคมฯและชุมชน
4.ข้อเสนอเชิงนโยบาย:
¬กระทรวงแรงงานและกระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายให้สถานประกอบการและโรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่งต้องมีมาตรการเพื่อความปลอดภัยทางถนนในองค์กร
¬ผู้บริหารองค์กรส่งเสริมสนับสนุนและแต่งตั้งคณะกรรมการภายในองค์กรเพื่อดำเนินการตามคู่มือการจัดการความปลอดภัยทางถนน
¬คณะกรรมการภายในความปลอดภัยทางถนนมาจากตัวแทนฝ่ายบริหารและพนักงาน ขับเคลื่อนกิจกรรม สร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วม
¬มีกฎว่าด้วยความปลอดภัยทางถนนเป็นข้อบังคับขององค์กรที่มีสภาพบังคับเพื่อความปลอดภัยของพนักงานทุกคน
¬มีระบบการควบคุมติดตามการปฏิบัติตามกฎขององค์กรทั้งภายในและภายนอก
ที่มา:ไฟล์มาตรฐานองค์กร นิคมต้นแบบ copy.pdf ขนาด 1 หน้า (ไม่ระบุปีที่พิมพ์) โดย สอจร. , ศวปถ., มนป., สสส. , วุฒิสภา
เข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น
ความคิดเห็น 0