0

0

ผู้เขียน :บุษกร

อัพเดทเมื่อวันที่ : 2025-07-27 17:15:21

บทนำ

ในยุคสมัยใหม่ผู้คนหันมาสนใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น เพื่อให้ตนเองนั้นมีสุขภาพที่ดีห่างไกลโรค รวมไปถึงการดูแลภาพลักษณ์ รูปร่าง ผิวพรรณที่ดีอ่อนกว่าวัยด้วย ปัจจุบันเทรนด์ Anti-Aging  เรียกได้ว่ากำลังมาแรง ซึ่งในด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยเชื่อว่า ความชราไม่ได้เกิดจากอายุหรือเวลาที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่มีต้นเหตุและปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้คนเราก้าวสู่ความชราไม่เท่ากัน  หลักการของเวชศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพนั้นให้ความสำคัญที่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม จะค้นหาปัจจัยทั้งหมดที่มีผลต่อสุขภาพ และแก้ปัจจัยนั้น เพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยมีเทคนิคง่ายๆ ได้แก่หลัก 3 อ. คือ อาหาร อากาศ อารมณ์ นอกจากนี้ยังต้องเพิ่มเรื่องการออกกำลังกาย การนอน ฮอร์โมนและการดื่มน้ำด้วย

 

 

อาหารแบบไหนทำให้ร่างกายเสื่อมเร็ว

การเลือกรับประทานอาหารของคนในยุคสมัยใหม่ที่วิถีชีวิตมีความเร่งรีบ และเทรนด์การนิยมทานอาหารแบบตะวันตกที่มักจะทานแป้ง น้ำตาล เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารแปรรุป ไขมันไม่ดีชนิด LDL ทานผลไม้และผักน้อย รวมไปถึงการทานอาหารในปริมาณที่มากกว่าความต้องการของร่างกาย ทำให้มีผู้ป่วยกลุ่มโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคมะเร็งเพิ่มขึ้น ซึ่งในสาเหตุหลักของความชราตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น หากรับประทานอาหารเหล่านี้ในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ การอักเสบเรื้อรังจากการมีไขมันสะสมมากเกินไป การสะสมของสารพิษ ภาวะน้ำตาลสะสม และมีการเสื่อมสภาพของเซลล์ต้นกำเนิดได้

การดูแลสุขภาพด้วยอาหารชะลอวัย จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีผักหลากหลาย ประมาณ ½ ของจาน มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ประมาณ ¼ ของจาน และมีเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เนื้อปลา อกไก่ประมาณ ¼ ของจาน โดยสามารถทานอาหารมื้อหลักได้ 1-3 มื้อต่อวัน (ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับความต้องการพลังงานและสารอาหารในแต่ละบุคคลด้วย) พยายามเลี่ยงมื้อว่างหากไม่จำเป็น หรือหากจำเป็นก็สามารถมีมื้อว่างเป็นอาหารประเภทไขมันดี เช่น ถั่วเปลือกแข็งอบบธรรมชาติสัก 1 กำมือ หลีกเลี่ยงการทานอาหารดึกจนเกินไป การ อดอาหารเป็นช่วง (Intermittent Fasting) มีผลดีต่อสุขภาพถ้าทำถูกวิธีและเหมาะสม ทำให้ร่างกายนำไขมันที่สะสมมาใช้เป็นพลังงาน ทั้งนี้การควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ และช่วยลดการอักเสบในร่างกายด้วย

 

อ้างอิง

https://bangkokpattayahospital.com/th/health-articles-th/nutrition-therapy-th/take-care-your-health-anti-aging-food/

งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ

ยอมรับ! ต่างรุ่นต่างประสบการณ์ ช่วยลดความขัดแย้งในครอบครัว
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ยอมรับ! ต่างรุ่นต่างประสบการณ์ ช่วยลดความขัดแย้งในครอบครัว

อิทธิพลของเอลนีโญต่อฝุ่น PM2.5 ปี 2567 กับภัยคุกคามสุขภาพที่รุนแรงขึ้น
1708931705.jpg

Super Admin ID1

อิทธิพลของเอลนีโญต่อฝุ่น PM2.5 ปี 2567 กับภัยคุกคามสุขภาพที่รุนแรงขึ้น

ส่วนที่ 5 ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อการสืบค้น
1747913281.JPG

Admin ID3

ส่วนที่ 5 ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อการสืบค้น

กินอาหารอย่างฉลาด…ห่างไกลโรค
defaultuser.png

Don Admin

กินอาหารอย่างฉลาด…ห่างไกลโรค

ส่วนที่ 4 บทสังเคราะห์เพื่อการขับเคลื่อนงานสร้างเสริมกิจกรรมทางกาย
1747913281.JPG

Admin ID3

ส่วนที่ 4 บทสังเคราะห์เพื่อการขับเคลื่อนงานสร้างเสริมกิจกรรมทางกาย

งานบทความที่เกี่ยวข้อง

หยุดกินตามอารมณ์ ตัดวงจรพฤติกรรมทำลายสุขภาพ

Super Admin ID1

การกินด้วยอารมณ์ (Emotional Eating) คือ การกินอาหารเพื่อบรรเทาความรู้สึกหรือเยียวยาอารมณ์ด้านลบ เช่น เครียด หงุดหงิด เหนื่อยล้า เศร้า เหงา โกรธ กลัว ฯลฯ หรือแม้แต่เป็นการกินเพื่อเป็นการให้รางวัลตัวเอง พฤติกรรมการกินด้วยอารมณ์เช่นนี้มีผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางกายและจิตใจอย่างไม่คาดคิด  และเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

1749132155.jpg

ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้

- คุณกินมากขึ้นเมื่อรู้สึกเครียดหรือไม่?

- คุณกินตอนที่ไม่ได้หิวหรือยังอิ่มอยู่หรือเปล่า?

- เวลารู้สึกเศร้า โกรธ เบื่อ วิตกกังวล คุณกินเพื่อให้รู้สึกดีขึ้นหรือไม่?

- คุณให้รางวัลตัวเองด้วยอาหารหรือไม่?

- คุณกินจนอิ่มเกินไปเป็นประจำหรือเปล่า?

- อาหารทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยหรือรู้สึกว่าอาหารเป็นเพื่อนหรือไม่?

- คุณรู้สึกไม่สามารถควบคุมตัวเองในเรื่องการกินใช่หรือไม่?

 

หากคุณตอบว่า “ใช่” ในหลาย ๆ ข้อ นั่นแสดงว่า คุณมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรม “กินตามอารมณ์” ซึ่งเป็นความอยากกินหรือหิวทางอารมณ์ (emotional hunger) ไม่ใช่ความหิวทางกายภาพ (physical hunger)