0

0

ผู้เขียน :Mon

อัพเดทเมื่อวันที่ : 2025-10-01 22:12:27

บทนำ

วันอาหารโลก (World Food Day) ถูกกำหนดขึ้นโดย องค์การอาหารและการเกษตร แห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) ในวันที่ 16 ตุลาคม ของทุกปี เพื่อยกระดับความตระหนักรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหา ด้านอาหารและโภชนาการ รวมถึงความหิวโหยและความไม่มั่นคงด้านอาหารทั่วโลก

 

คำขวัญของวันอาหารโลกในปี 2567 คือ “สิทธิในอาหาร เพื่อชีวิตที่ดี และอนาคตที่ดีกว่า” หรือ Right to foods for a better life and a better future ซึ่งมีองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่า 150 ประเทศ ทั่วโลก ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองวันอาหารโลกในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสัมมนา การรณรงค์ หรือกิจกรรมในชุมชน 

 

การจัดงานประชุมภายใต้แนวคิด “บูรณาการเครือข่ายอาหาร สู่การบริโภคที่สมดุล ด้วยระบบอาหารที่ยั่งยืน” นับเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนและการสื่อสารเรื่อง “สิทธิในอาหาร เพื่อชีวิตที่ดี และอนาคตที่ดีกว่า” เพื่อให้ทุกคนเกิดความตระหนักและร่วมมือกัน ขับเคลื่อนระบบอาหารที่ยั่งยืนและส่งเสริมการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะอย่างสมดุล ในวาระโอกาสวันอาหารโลกประจำปีนี้

 

เพราะอะไรเราจึงจำเป็นที่จะต้องขับเคลื่อนเรื่องระบบอาหาร?

จากรายงานของโครงการอาหารโลก (World Food Program) ในปี 2566 พบว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จำนวนกว่า 36 ล้านคน จาก 32 ประเทศทั่วโลก ขาดสารอาหารหรือมีภาวะทุพโภชนาการอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มผู้พลัดถิ่น จากวิกฤตทั้งทางด้านความขัดแย้ง ภัยพิบัติ และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก

 

ข้อมูลในปี 2565 ของ UNICEF, WHO, World Bank Group แสดงจำนวน ประชากรเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี และมีภาวะผอม (Wasting) พบว่าเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปีในประเทศไทย มีภาวะผอมอยู่ในระดับปานกลาง คือร้อยละ 5-10

 

และในภาพรวมทั่วโลก พบว่า เด็กที่มีภาวะทุโภชนาการส่วนมาก อยู่ในทวีปเอเชียและแอฟริกา และตัวเลขที่น่าพิจารณา คือ เด็กที่มีภาวะผอมแห้งจำนวนมากกว่า 2 ใน 3 นั้นอยู่ในทวีปเอเชีย

จากสถานการณ์ด้านอาหารในภาพรวมระดับโลกมาสู่สถานการณ์ในระดับประเทศไทย ที่มีความมุ่งมันและมีนโยบายที่จะทำให้ประเทศมีบทบาทเป็น “ครัวของโลก”

 

กว่า 2 ทศวรรษ ที่รัฐบาลมีนโยบายและเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ และโอกาสการทำงานในภาคการเกษตรและอาหาร รวมถึงการเสริมสร้างชื่อเสียง ให้กับประเทศไทยในฐานะที่เป็น "ครัวของโลก" หรือ “Kitchen of the World”

แต่เนื่องจากการขับเคลื่อนระบบอาหารมีความหลากหลาย ซับซ้อน และมีความท้าทายหลายประการ ซึ่งผลการศึกษาที่ผ่านมาและการศึกษาของภาคี เครือข่ายแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สสส. ได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นอาหารที่สำคัญของสังคมไทย พบว่า 

  1. กลุ่มคนยากจนและกลุ่มเปราะบาง ยังไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่มีโภชนาการ ที่เหมาะสม

  2. การเข้าถึงอาหารของกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ กลุ่มคนจนในเขตเมือง และกลุ่มคนที่เป็นแรงงานนอกระบบและถูกเลิกจ้าง 

  3. ประชาชนไทยยังขาดความรู้ความเข้าในการบริโภคอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอตามช่วงวัย โดยมักจะบริโภคอาหารตามความชอบ อาทิ อาหารที่มีรสชาติจัดทั้งหวาน มัน เค็ม บริโภคผักผลไม้น้อยกว่าข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก (อย่างน้อย 400กรัมต่อวัน) จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพและมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ไม่ติดต่อได้ในอนาคต 

  4. เกษตรกรส่วนใหญ่เข้าสู่วัยผู้สูงอายุ จึงเกิดช่องว่างและขาดคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมผลิต อาหารรวมทั้งหากเป็นเกษตรรายย่อยส่วนใหญ่ก็มักยังไม่พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตจากเดิมมาเป็นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่

  5. เกษตรกรรายย่อย ส่วนใหญ่มีปัญหาการเพิ่มปริมาณผลผลิตและการยกระดับรายได้ เพราะมีข้อจำกัดที่ทำให้เข้าไม่ถึงทรัพยากร ทางด้านทุน องค์ความรู้ และเทคโนโลยี 

จากปัญหาและวิกฤตการณ์ด้านอาหารดังกล่าว จึงมีความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องเชื่อมร้อยและบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันสร้าง “ระบบอาหารที่ยั่งยืนในประเทศไทย” (สไลด์ 12) โดยมีเป้าหมายเพื่อ

  • ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและการผลิตอาหารปลอดภัย โดยสนับสนุนให้ประชาชน ในทุกระดับตั่งแต่บุคคล ครอบครัว และชุมชน ให้มีการผลิตอาหารเพื่อสร้างความมั่นคง ทางอาหารและอาหารปลอดภัย ในครัวเรือนและชุมชน 

  • สร้างระบบอาหารปลอดภัยและการกระจายอาหารที่เป็นธรรม โดยให้ความสำคัญกับ เกษตรกรรายย่อยและผู้ผลิตอาหารขนาดเล็ก ผลิตอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ยกระดับการแปรรูปผลผลิตเพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ รายได้ เชื่อมโยงการกระจายผลผลิตไปสู่แหล่งจำหน่าย หรือสร้างระบบตลาดที่เป็นธรรม 

  • สนับสนุนการบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีความหลากหลาย โดยส่งเสริมให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านอาหาร เพื่อนำไปสู่การบริโภคอาหาร เพื่อสุขภาวะได้อย่างสมดุล โดยเพิ่มการบริโภคผักผลไม้ให้ได้ปริมาณที่เพียงพอ ตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก และลดการบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบของ โซเดียม น้ำตาล และไขมันสูง เพื่อนำไปสู่การมีสุขภาพดีและลดความเสี่ยงต่อ การเกิดโรคไม่ติดต่อในอนาคต

ที่กล่าวถึงข้างต้น เพื่อขอยืนยันอีกครั้งว่า ความร่วมมือกันขับเคลื่อนระบบอาหารที่ยั่งยืน จากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนนั้นมีความสำคัญ ต่อการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ปัญหาด้านอาหาร ในระดับประเทศ เพื่อนำไปสู่การมีสุขภาพดีจากบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะได้อย่างสมดุล 

 

การจัดเวทีประชุมในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสของการรวมพลังจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เพื่อสร้างการเชื่อมโยงและบูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาและพัฒนางานด้านอาหาร ทั้งในเชิงพื้นที่และเชิงประเด็น ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนและ การบริโภคที่สมดุลให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

อ้างอิง

เวทีบูรณาการและนวัตกรรมสังคมด้านอาหาร ประจำปี 2567
วันที่ 15 ตุลาคม 2567

งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ

การให้คุณค่าและรับฟังเสียงพนักงาน  ปัจจัยสร้างองค์กรแห่งความสุขในอนาคต
1708931705.jpg

Super Admin ID1

การให้คุณค่าและรับฟังเสียงพนักงาน ปัจจัยสร้างองค์กรแห่งความสุขในอนาคต

ดื่มแล้วขับกับอุบัติเหตุทางถนน ปัญหาที่ยังคงท้าทายของไทย
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ดื่มแล้วขับกับอุบัติเหตุทางถนน ปัญหาที่ยังคงท้าทายของไทย

ปรับเปลี่ยนทัศนคติคนไม่กินผัก ลองก่อนแล้วจะเห็นผลดีตามมา
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ปรับเปลี่ยนทัศนคติคนไม่กินผัก ลองก่อนแล้วจะเห็นผลดีตามมา

ส่วนที่ 1 : สถานการณ์สุขภาพจิตระดับประเทศ และยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน ของ สสส. และภาคี
1747913281.JPG

Admin ID3

ส่วนที่ 1 : สถานการณ์สุขภาพจิตระดับประเทศ และยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน ของ...

‘หนองสนิทโมเดล’ต้นแบบชุมชนเข้มแข็ง ก้าวสู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน
1708931705.jpg

Super Admin ID1

‘หนองสนิทโมเดล’ต้นแบบชุมชนเข้มแข็ง ก้าวสู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งย...

งานบทความที่เกี่ยวข้อง

กินอาหารอย่างฉลาด…ห่างไกลโรค

admin

 

อาหารเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังของคนไทยปัจจุบันอาหารจึงไม่ใช่เรื่องเล็กที่ทุกคนจะละเลยได้อีกต่อไป เพราะอาหารที่เรากินเข้าไปมีผลต่อสุขภาพ กล่าวคือ ถ้าเรากินพอดี เพียงพอแก่ความต้องการของร่างกาย ก็จะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง แต่ถ้าเรากินอาหารมากไป เกินความต้องการของร่างกายอาหารก็จะไปสะสมบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกายและส่งผลให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และโรคไตเรื้อรัง ซึ่งโรคดังกล่าวสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ด้วยการมีพฤติกรรมการกินที่ถูกต้องเหมาะสมดังนี้

 

กินพอดีกินอย่างไร?

กินพอ คือ กินอาหารให้ครบทุกกลุ่มอาหาร ในปริมาณที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย

กินดี คือ กินอาหารที่มีประโยชน์ หลากหลายชนิด ไม่ซ้ำซากจำเจ

การกินพอดี จะช่วยให้ร่างกายเติบโตแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส ไม่เจ็บป่วยง่าย นอกจากนั้น             ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และสุขภาพแข็งแรง

การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทำให้ได้สารอาหารหลากหลาย ครบถ้วน ได้แก่

อาหารหมู่ที่ 1  กลุ่มเนื้อสัตว์ ถั่วเมล็ดแห้ง ไข่ นม ให้สารอาหารประเภทโปรตีน แคลเซียม

อาหารหมู่ที่ 2  กลุ่มข้าว-แป้ง ข้าวโพด เผือก มัน ให้พลังงานแก่ร่างกาย

อาหารหมู่ที่ 3  กลุ่มผักต่างๆ ให้สารอาหารประเภทวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร

อาหารหมูที่ 4  กลุ่มผลไม้ต่างๆ ให้สารอาหารประเภทวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร

อาหารหมู่ที่ 5  กลุ่มไขมัน ให้พลังงาน สร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยดูดซึมวิตามิน

ดังนั้น เราควรกินอาหารให้หลากหลายชนิดในแต่ละกลุ่มหมุนเวียนกันไปไม่กินซ้ำซากจำเจเพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง เพื่อให้ได้สารอาหารต่างๆ ครบถ้วน และหลีกเลี่ยงการสะสมพิษภัยจากการปนเปื้อนในอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งที่กินเป็นประจำ

นอกจากกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และหลากหลายแล้ว ร่างกายยังต้องการอาหารแต่ละหมู่              ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดอาหาร 5 หมู่ ให้เป็นกลุ่มอาหารที่เราควรกิน    ในปริมาณมากน้อยแตกต่างกันไปเพื่อให้ง่ายต่อการนำไปปฏิบัติ เป็น “ธงโภชนาการ” การกินอาหารตาม             “ธงโภชนาการ” ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 5 วัน งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคเรื้อรัง

Food | Definition & Nutrition | Britannica

แหล่งข้อมูล : กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. สำรับอาหารสุขภาพ