0

0

ผู้เขียน :menow teekong

อัพเดทเมื่อวันที่ : 2025-06-11 18:19:21

บทนำ

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาภาวะโภชนาการที่ไม่สมดุล อันเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารแปรรูปที่มีโซเดียม น้ำตาล และไขมันสูง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases: NCDs) เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคอ้วน นอกจากนี้สถิติของกระทรวงสาธารณสุข ยังพบอีกว่าประชากรวัยทำงานและผู้สูงอายุมีแนวโน้มการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสมเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและระบบสาธารณสุขโดยรวม 

 

อีกปัจจัยสำคัญที่ทำร้ายประชาชนให้มีสถานการณ์เสี่ยงในด้านอาหารและโภชนาการคือ การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการบริโภคจากสังคมเมืองที่มีความเร่งรีบทำให้ประชาชนหันมาพึ่งพาอาหารสำเร็จรูปมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มักมีโภชนาการที่ไม่สมดุลและมีสารปรุงแต่งเกินค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนด

 

 

กระบวนการแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ

แผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ดำเนินงานเพื่อให้ประชาชนมีอาหารที่มีคุณลักษณะทางกายภาพและส่วนประกอบที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีความปลอดภัย ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และเป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตที่คำนึงถึงการหมุนเวียนของทรัพยากรให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมียุทธศาสตร์การดำเนินงานประกอบด้วย

1.สร้างและขยายผลระบบอาหารตลอดห่วงโซ่อย่างยั่งยืน

2. พัฒนากลไกการบูรณาการทํางานร่วมกับภาคียุทธศาสตร์ ภาคีปฏิบัติการ ภาคีรุ่นใหม่ พัฒนาและใช้ประโยชน์ข้อมูลสารสนเทศและเทคโนโลยีดิจิทัล

3. พัฒนาระบบ/กลไกเฝ้าระวังอาหารเพื่อสุขภาวะ และสร้างการมีส่วนร่วมให้ชุมชน/ท้องถิ่นจัดการระบบอาหารของตนเองได้

4.ส่งเสริมเศรษฐกิจอาหารชุมชน กระจายรายได้ สร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับครัวเรือน โดยพัฒนาและผลักดันนโยบายสาธารณะที่เอื้อต่อการเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาพื้นที่นำร่อง ส่งเสริมการผลิตอาหารด้วยระบบนิเวศเกษตร พัฒนาตลาดเขียว สร้างความเป็นธรรม และส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร

อ้างอิง

 

งานบทความที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ

ดนตรีบำบัด: เครื่องมือทรงพลังเชิงบวก ช่วยรักษาอาการป่วยทางกายและจิตใจ
1708931705.jpg

Super Admin ID1

ดนตรีบำบัด: เครื่องมือทรงพลังเชิงบวก ช่วยรักษาอาการป่วยทางกายและจิตใจ

การควบคุมอารมณ์ (Emotional Control)
defaultuser.png

Don Admin

การควบคุมอารมณ์ (Emotional Control)

อิทธิพลของเอลนีโญต่อฝุ่น PM2.5 ปี 2567 กับภัยคุกคามสุขภาพที่รุนแรงขึ้น
1708931705.jpg

Super Admin ID1

อิทธิพลของเอลนีโญต่อฝุ่น PM2.5 ปี 2567 กับภัยคุกคามสุขภาพที่รุนแรงขึ้น

การตรวจสุขภาพตับ ทวงคืนสุขภาพที่ดี
1708931705.jpg

Super Admin ID1

การตรวจสุขภาพตับ ทวงคืนสุขภาพที่ดี

เอาชนะการตื่นนอนกลางดึก ปัญหาสุขภาพที่ถูกมองข้าม
1708931705.jpg

Super Admin ID1

เอาชนะการตื่นนอนกลางดึก ปัญหาสุขภาพที่ถูกมองข้าม

งานบทความที่เกี่ยวข้อง

ปรับเปลี่ยนทัศนคติคนไม่กินผัก ลองก่อนแล้วจะเห็นผลดีตามมา

Super Admin ID1
1749127108.jpg

ใคร ๆ ก็ทราบดีว่าการกินและผักผลไม้นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่จากการสำรวจของโครงการศึกษาพฤติกรรมการกินผักและผลไม้ของคนไทยโดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล จากกลุ่มตัวอย่างอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 6,991 คน พบว่า เกือบ 2 ใน 3 ของคนไทย หรือร้อยละ 65.5 กินผักและผลไม้เฉลี่ยเพียง 336.9 กรัมต่อวัน ขณะที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้กินอย่างน้อย 400 กรัมต่อวัน โดยปัจจัยด้านเพศ อายุ สถานภาพสมรส การศึกษา อาชีพ และรายได้ มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับการกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอของคนไทย
ยกตัวอย่างผลสำรวจ ผู้ชายมีแนวโน้มกินผักและผลไม้น้อยกว่าผู้หญิง ซึ่งสะท้อนว่าผู้ชายอาจมีความตระหนักด้านสุขภาพน้อยกว่า กลุ่มวัยอายุน้อย (15-29 ปี) และกลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) มีแนวโน้มกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอมากกว่าวัยอื่น ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่พบว่า คนเข้าสู่วัยหนุ่มสาวจะเริ่มใช้ชีวิตอย่างอิสระและเสี่ยงต่อพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ด้านคนโสดก็มีแนวโน้มกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอมากกว่ากลุ่มคนที่แต่งงานแล้ว หรือคนกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอมากกว่าคนในพื้นที่อื่น เนื่องจากชีวิตประจำวันที่ถูกจำกัดด้วยเวลา ฯลฯ 

คำถามก็คือ จะรณรงค์อย่างไรให้คนไทยหันมากินผักและผลไม้เพิ่มมากขึ้น อันดับแรกคงต้องตอกย้ำทัศนะคติที่ว่า การไม่กินผักผลไม้ไม่เห็น (ป่วย) เป็นอะไร เป็นเรื่องที่ยังไม่เห็นผลในระยะสั้น แต่จะเกิดผลในระยะยาว โดยการบริโภคผักและผลไม้อย่างเพียงพอในแต่ละวัน สามารถช่วยลดภาวะโรคต่าง ๆ ได้ อาทิ หัวใจขาดเลือด  เส้นเลือดในสมองตีบ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่  
อย่างไรก็ดี เข้าใจได้ว่า คนที่ไม่ชอบกินผักและผลไม้เป็นทุนเดิม เป็นเรื่องยากในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน แต่เพื่อสุขภาพที่ดี เมื่อรู้ว่ากินแล้วมีประโยชน์ ทำไมถึงจะไม่ทำ ขั้นตอนแรกคงต้องเปิดใจลองกินผักสดต่าง ๆ ดู ถ้ายังยากอยู่อาจจะเริ่มจากการกินสลัดผัก หรือยำประเภทต่าง ๆ ที่มีผักเยอะ ๆ อาจจะช่วยให้กินผักได้ง่ายขึ้น หรือกินผักชุบแป้งทอดก็อาจมีรสชาติให้กินได้ง่ายขึ้น
นอกจากนั้น ควรลองเมนูใหม่ ๆ ที่มีส่วนผสมของผักในสัดส่วนที่พอ ๆ กับเนื้อสัตว์ อย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แกงเลียง แกงอ่อม หรือเกาเหลา และหากพบว่าทั้ง 3 มื้อในหนึ่งวันยังกินผักในสัดส่วนที่ยังไม่มากพอก็ให้เพิ่มสัดส่วนการกินผลไม้เพิ่มเติม โดยเลือกผลไม้ที่รสไม่หวานจนเกินไป ซึ่งหากลองปรับเปลี่ยนการกินมาได้ระยะหนึ่งอาจจะเห็นผลในเรื่องการขับถ่ายที่ดีขึ้น และรูปร่างดีขึ้นอีกด้วย 
ปัญหาใหญ่ที่หลายคนอาจวิตกกังวลคือ จะเลือกกินผักอย่างไรให้ปลอดภัย เพราะผักในตลาดทั่วไปมักมีสารเคมีตกค้างเยอะ เพื่อความสบายใจในเรื่องนี้ เราอาจต้องเลือกซื้อผักที่ปลอดภัยมาทำอาหารเองที่บ้านตามโอกาสที่เหมาะสม เช่น เลือกผักตามฤดูกาล  หรือผักพื้นบ้านที่ปลูกง่าย ไม่ต้องพึ่งสารเคมี เพื่อเพิ่มสัดส่วนการกินผักในแต่ละมื้อจากร้านอาหาร 
            แล้วเรารู้ได้อย่างไรว่า ผักผลไม้ที่กินในแต่ละวันมีสัดส่วนเพียงพอตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำหรือไม่ วิธีการง่าย ๆ คงต้องใช้วิธีการคำนวณให้มีผักโดยรวมประมาณครึ่งจาน ที่เหลือเป็นคาร์โบไฮเดรต บวกกับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ หากทำได้อย่างสม่ำเสมอ เราจะเริ่มเคยชินกับการกินผักและผลไม้มากขึ้น ได้สัดส่วนมากขึ้น เมื่อทำได้จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในระยะยาว ซึ่งจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายทางสุขภาพทั้งในระดับครัวเรือน และประเทศตามมา